ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นจากอุปทานมีแนวโน้มลดลง หลังวันที่ 4 ส.ค. 66 ที่ประชุม Joint Ministerial Monitoring Committee (JMMC) ของกลุ่ม OPEC และพันธมิตร (OPEC+) มีมติคงนโยบายลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบรวม 3.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2567 ทั้งนี้กลุ่ม OPEC ผลิตน้ำมันดิบในเดือน ก.ค. 66 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 0.84 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 27.34 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ประกอบกับซาอุดีอาระเบียอาสาขยายกรอบเวลาลดการผลิตน้ำมันดิบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดือน ก.ค.- ส.ค. 66 ไปถึงเดือน ก.ย. 66 (เดือน ก.ค. 66 ซาอุฯ ผลิตอยู่ที่ 9.10 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และรัสเซียอาสาลดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือน ก.ย. 66 ลง 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังมีแผนลดการส่งออกน้ำมันดิบ ในเดือน ส.ค. 66 ลง 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เดือน มิ.ย. 66 รัสเซียส่งออกทางทะเล อยู่ที่ 3.46 ล้านบาร์เรลต่อวัน) ทั้งนี้ การประชุม OPEC+ ครั้งถัดไปจะมีขึ้นในวันที่ 4 ต.ค. 66
สำหรับสถานการณ์อื่นๆ มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 66 บริษัท PERN ผู้ดำเนินการท่อขนส่งน้ำมันของโปแลนด์เปิดเผยว่าท่อ Northern Druzhba (0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน) ซึ่งขนส่งน้ำมันดิบจากรัสเซียสู่ยุโรป เกิดเหตุรั่วไหล คาดว่าจะกลับมาดำเนินงานได้ในวันที่ 8 ส.ค. 66 อย่างไรก็ตามยังไม่กระทบต่อโปแลนด์ ซึ่งนำเข้าน้ำมันและส่งออกต่อไปให้เยอรมนี
ด้านสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน มีรายงานว่าโดรนทางทะเลของยูเครนได้โจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียเป็นครั้งแรก ในบริเวณทะเลดำ โดยเรือลำดังกล่าวเดินทางออกจากท่าเรือ Novorossiysk ซึ่งรัสเซียส่งออกน้ำมันจากท่าเรือแห่งนี้ 15-20% (ส่งออกน้ำมันดิบ 0.5-0.55 ล้านบาร์เรลต่อวัน และส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป 0.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน) รวมถึงส่งออกธัญญาหารส่วนใหญ่ด้วย
ขณะเดียวกัน EIA คาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะส่งออกน้ำมันดิบในปี 2566 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.55 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 4.08 ล้านบาร์เรลต่อวัน
