ปตท. รายงานราคาน้ำมันดิบโลกยังพุ่งต่อจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนทวีความรุนแรง ด้าน IEA เรียกร้องระบายน้ำมันจากคลังสำรอง เพิ่มอุปทานโลก คาดด้านเทคนิค สัปดาห์นี้ราคา ICE Brent มีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 106.8 – 118.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานราคาน้ำมันดิบ ICE Brent เฉลี่ยรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 12 และราคาน้ำมันดิบ Dubai เฉลี่ยรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 11 จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และล่าสุดวันที่ 13 มี.ค. 65 กองกำลังรัสเซียโจมตีทางอากาศ โดยยิงขีปนาวุธ 30 ลูก ใส่ศูนย์รักษาสันติภาพนานาชาติและความมั่นคง ซึ่งเป็นฐานฝึกทหารที่เขต Yavoriv เมือง Lviv ในยูเครน และห่างจากชายแดนโปแลนด์ไม่ถึง 25 กิโลเมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 35 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 134 ราย ทางด้านนาย Andrzej Duda ประธานาธิบดีโปแลนด์ เปิดเผยว่า หากรัสเซียใช้อาวุธเคมีในการบุกโจมตียูเครน อาจทำให้กองกำลังขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organization: NATO) ตัดสินใจใช้กำลังทหารแทรกแซง อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายหวังว่ารัสเซียจะไม่ใช้อาวุธเคมี เนื่องจากจะเป็นจุดเริ่มต้นของอันตรายทั่วโลก
นอกจากนี้ กลุ่มมหาอำนาจ G7 (แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ) และสหภาพยุโรป (EU) จะร่วมกันผลักดันการเพิกถอนสถานะ “ชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง” (Most Favored Nation) ของรัสเซีย ในฐานะสมาชิกองค์การการค้าโลก (World trade organization: WTO) ซึ่งรัสเซียจะถูกระงับการได้ประโยชน์ทางการค้าต่าง ๆ อาทิ การลดหรืองดเว้นภาษีศุลกากร อีกทั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Joe Biden ยังประกาศคว่ำบาตรห้ามนำเข้าสินค้าจากรัสเซียเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงอาหารทะเล วอดก้า และเพชร และสหรัฐฯ ยังระงับการส่งออกสินค้าฟุ่มเฟือยไปยังรัสเซีย เช่น สุรา ยาสูบ เสื้อผ้า เครื่องประดับ รถยนต์ และวัตถุโบราณอีกด้วย
ด้านอุปทาน นาย Koichi Hagiuda รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (Ministry of Economy, Trade and Industry: METI) ประกาศให้โรงกลั่นน้ำมันในประเทศสามารถลดปริมาณขั้นต่ำในการเก็บน้ำมันสำรองของภาคเอกชนจาก 70 วัน เหลือ 66 วัน ระหว่างวันที่ 10 มี.ค. – 8 เม.ย. 65 เพื่อให้โรงกลั่นสามารถระบายน้ำมันออกสู่ตลาดได้ 7.5 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ ญี่ปุ่นปฏิบัติตามนโยบายของ International Energy Agency (IEA) ที่เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกร่วมกันระบายน้ำมันจากคลังสำรองปริมาณรวม 60 ล้านบาร์เรลเพื่อเพิ่มอุปทานน้ำมันโลก
ด้านเทคนิค สัปดาห์นี้ราคา ICE Brent มีแนวโน้มอยู่ในกรอบ 106.8 – 118.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
ด้านการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ (Joint Comprehensive Plan of Action: JCPOA) ระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจ P5+1 (สหรัฐฯ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, จีน และเยอรมนี) ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในรอบที่ 9 ยุติลงโดยไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ เนื่องจากรัสเซียเรียกร้องให้ที่ประชุม JCPOA รับประกันว่าการคว่ำบาตรรัสเซียในปัจจุบันจะไม่กระทบกับความร่วมมือด้านการค้าและการทหารระหว่างรัสเซียและอิหร่าน โดยนักการทูตจากกลุ่ม E3 (อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี) ยืนยันจะไม่ต่อรองใด ๆ กับรัสเซีย เพราะถือเป็นเรื่องนอกเหนือข้อตกลงนิวเคลียร์ ทั้งนี้การเจรจารอบถัดไปเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
นาย Reinaldo Quintero ประธานสภาหอการค้าด้านปิโตรเลียมของเวเนซุเอลา เปิดเผยว่า หากสหรัฐฯ อนุมัติคำร้องของบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา (Petroleum of Venezuela: PDVSA) ในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรเวเนซุเอลา การผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาจะเพิ่มขึ้น 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายใน 3 เดือน จากปริมาณการผลิตในเดือน ม.ค. 65 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 0.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
–