ปตท. แจ้งข่าวฉบับที่ 3 กรณีเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเกิดเพลิงไหม้ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ จัดอาหาร น้ำดื่ม และที่พักชั่วคราวในระยะเร่งด่วน และอำนวยความสะดวกให้แก่ทีมปฏิบัติงาน พร้อมดูแลรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นทั้งหมดสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต ในด้านผลกระทบกับลูกค้าก๊าซ ปตท. จะดำเนินการจ่ายก๊าซย้อนให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม บริเวณนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังและนิคมอุตสาหกรรมเอเชียสุวรรณภูมิ รวมทั้ง ประสานกับ กฟผ. ในการจ่ายก๊าซเพิ่มเติมให้แก่โรงไฟฟ้าในพื้นที่อื่น เพื่อให้การผลิตไฟฟ้ามีความต่อเนื่อง ในขณะที่ปลัดกระทรวงพลังงานสั่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน ประสาน ปตท. กฟผ.บูรณาการการทำงานร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ในเหตุการณ์ดังกล่าวให้ดีที่สุด
นายโชคชัย ธนเมธี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วและเกิดเพลิงไหม้ ที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้เกิดก๊าซฯ รั่วสู่บรรยากาศและเกิดการติดไฟ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาของวันนี้ (22 ตุลาคม 2563) นั้น ปตท. ได้ร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ จัดตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ในพื้นที่วัดเปร็งราษฎร์บำรุง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้มอบหมายให้ นายชวลิต ทรงกิตติ นายอำเภอบางบ่อ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานดังกล่าว และได้รับความร่วมมือจาก อบต.เปร็ง กองบังคับการตำรวจภูธร จ.สมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สมุทรปราการ เพื่อสนับสนุนอาหาร น้ำดื่ม และที่พักชั่วคราวในระยะเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ และอำนวยความสะดวกให้แก่ทีมปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ปตท. พร้อมดูแลรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นทั้งหมดสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต
ในด้านผลกระทบกับลูกค้าก๊าซ ปตท. จะดำเนินการจ่ายก๊าซย้อนให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม บริเวณนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังและนิคมอุตสาหกรรมเอเชียสุวรรณภูมิ รวมทั้ง ปตท. ได้ประสานกับ กฟผ. ในการจ่ายก๊าซเพิ่มเติมให้แก่โรงไฟฟ้าในพื้นที่อื่น เพื่อให้การผลิตไฟฟ้ามีความต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ปตท. มีความจำเป็นต้องปิดสถานีบริการ NGV จำนวน 1 สถานี ได้แก่ สถานีบริการ NGV ปตท. เอส.วี.โพรเกรสซีฟ สาขา บางปะกง เป็นการชั่วคราว โดยอยู่ระหว่างการแก้ไขเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด สำหรับสาเหตุของอุบัติเหตุ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยละเอียด และจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

ในขณะที่ นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้รับรายงานเบื้องต้น ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ส่วนสาเหตุนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบจาก กรมธุรกิจพลังงาน ร่วมกับ ปตท.และ กฟผ.
ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้บาดเจ็บจำนวน 28 ราย และนำส่ง รพ. ลาดกระบัง, รพ.บางบ่อ, รพ.บางเสาธง, รพ.จุฬารัตน์ 11, รพ.บางนา 2, รพ. พุทธโสธร, รพ.บ้านโพธิ์และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อชุมชน โรงเรียน และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเอเชียสุวรรณภูมิ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ
ในส่วนการผลิตไฟฟ้านั้น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สายส่งไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขนาด 230 กิโลโวลต์ (kV) คลองใหม่ – ลำลูกกา วงจร 1 และ 2 ขัดข้อง แต่ยังสามารถส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ประชาชนได้ โดยนำสายส่งชั่วคราว 230 kV พระนครใต้-เทพารักษ์เข้าใช้งานแทน รวมทั้งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกงหน่วยที่ 5 และเดินเครื่องโรงไฟฟ้าวังน้อย หน่วยที่ 3 ซึ่ง กฟผ.ยืนยันว่าไม่กระทบกับผู้ใช้ไฟฟ้าอย่างแน่นอน
“กระทรวงพลังงานขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน ประสาน ปตท. กฟผ.บูรณาการการทำงานร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ โดยให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริหารจัดการสถานการณ์ในเหตุการณ์ดังกล่าวให้ดีที่สุด เร่งหาสาเหตุและดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งให้การช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยและผู้เสียชีวิต และการชดเชยความเสียหายให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง” ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปตท. โดยศูนย์ควบคุมระบบท่อก๊าซได้ดำเนินการตัดแยกระบบท่อในส่วนที่เกี่ยวข้องออกเรียบร้อยแล้วเพื่อความปลอดภัย
ขณะเดียวกัน กรมควบคุมมลพิษ ได้ทำการตรวจวัดค่าปริมาณก๊าซ พบว่า ณ บริเวณที่มีอันตรายน้อยลง หรือ Warm Zone ซึ่งใกล้กับบริเวณอันตราย หรือ Hot Zone มีค่าปริมาณเปอร์เซ็นต์ต่ำสุดของสารไวไฟ (Lower Explosive Limit – LEL) เท่ากับ 0 เช่นเดียวกับบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งประกอบด้วย บริเวณสถานีตำรวจภูธรตำรวจเปร็ง และบริเวณร้าน 7-11 มีค่า LEL เท่ากับ 0 เช่นกัน ส่วนบริเวณอันตราย (Hot Zone) ปตท. ดำเนินการจัดส่งโดรนเข้าวัดในพื้นเพื่อเฝ้าระวังเป็นระยะ
ทั้งนี้ ก๊าซธรรมชาติ โดยทั่วไปจะไม่เป็นพิษต่อร่างกาย