ปตท. วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบโลกสัปดาห์นี้ (16-20 ส.ค. 64) ชี้มีแนวโน้มปรับลดลงจากความกังวลว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธ์ Delta ที่ขยายวงกว้างทั่วโลก จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน พร้อมระบุให้จับตาสถานการณ์ความไม่สงบในอัฟกานิสถาน หลังกองกำลังติดอาวุธ Taliban สามารถบุกเข้ายึดทำเนียบประธานาธิบดีในกรุง Kabul เมืองหลวง ได้แล้ว
ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้วิเคราะห์ทางเทคนิคราคาน้ำมันดิบ ICE Brent สัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 70 – 74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากความกังวลต่อการแพร่ระบาด COVID-19 สายพันธ์ Delta ที่ขยายวงกว้างทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ล่าสุด รายงาน OPEC ฉบับเดือน ส.ค. 64 ปรับคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2564 โดยลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อน 10,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 96.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน (อย่างไรก็ตาม ยังคงเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.95 ล้านบาร์เรลต่อวัน) เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันมีแนวโน้มลดลงจากมาตรการจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ของ COVID-19 สายพันธ์ Delta โดยเฉพาะในจีน และประเทศในเอเชีย สอดคล้องกับ IEA ที่ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2564 จากคาดการณ์ครั้งก่อนลง 29,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 96.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน(แต่ยังเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.34 ล้านบาร์เรลต่อวัน)
นอกจากนั้น ยังต้องจับตาสถานการณ์ความไม่สงบในอัฟกานิสถาน ล่าสุดกองกำลังติดอาวุธ Taliban สามารถบุกเข้าสู่กรุง Kabul เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน และยึดทำเนียบประธานาธิบดีได้แล้ว ขณะที่ประธานาธิบดี Ashraf Ghani ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุน ได้หลบหนีออกจากประเทศ อย่างไรก็ตามกองทัพสหรัฐฯ ยังคงช่วยเหลือการอพยพลำเลียงชาวสหรัฐฯ รวมทั้งชาวอัฟกานิสถานที่เคยทำงานให้สหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถาน
–
–
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา (9-13 ส.ค. 64) ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับลดลง โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
–
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- COVID-19 สายพันธ์ Delta ทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าอาจกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย ล่าสุดในจีนมีการระบาดขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว โดยการระบาดของสายพันธ์ Delta ติดต่อได้ง่าย อาจต้องใช้มาตรการ Lockdown ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน โดยจีนซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ ได้เริ่มกำหนดมาตรการควบคุมและยกเลิกเที่ยวบิน ขณะที่ในสหรัฐฯ ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อวันมากกว่า 100,000 ราย สูงสุดในรอบ 6 เดือน
- JP Morgan ปรับลดคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน (GDP) ในไตรมาส 3/64 อยู่ที่ +2% จากไตรมาส 2/64 (ลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ +4.3%) และคาดว่า GDP ของปี 2564 จะอยู่ที่ +8.9% จากปีก่อน (ลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ +9.1%) ขณะที่ Goldman Sachs คาดการณ์ GDP ในไตรมาส 3/64 อยู่ที่ +2.3% จากไตรมาส 2/64 (ลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ +5.8%) และคาดว่าในปี 2564 จะอยู่ที่ +8.3% จากปีก่อน (ลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ +8.6%)
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Bill) มูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยคะแนน 69 ต่อ 30 เสียง โดยวุฒิสมาชิกพรรค Democrat 50 ราย และวุฒิสมาชิกพรรค Republican 19 ราย ลงคะแนนเสียงเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ ทั้งนี้ ในลำดับถัดไปร่างกฎหมายดังกล่าวต้องผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏร โดยร่างกฎหมายนี้ประกอบไปด้วยงบประมาณมูลค่า 5.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ครอบคลุมถึงโครงการสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ฯลฯ ผนวกกับงบประมาณอีก 4.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งผ่านความเห็นชอบไปก่อนหน้านี้แล้ว จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างงานครั้งใหญ่ให้แก่ชาวสหรัฐฯ
- Energy Information Administration (EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ส.ค. 64 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 447,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ 438.8 ล้านบาร์เรล
–