ปตท. คาดราคาน้ำมันโลกสัปดาห์นี้ยังได้รับแรงหนุนจากเหตุเฮอริเคน Ida ถล่มแหล่งผลิตในอ่าวเม็กซิโก

362
- Advertisment-

ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คาดราคาน้ำมันในตลาดโลกยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบที่ลดลงจากผลกระทบพายุเฮอร์ริเคน Ida ที่ทำให้บริษัทน้ำมันทั้งหลายต้องหยุดดำเนินการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโกเกือบทั้งหมด

ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เผยบทวิเคราะห์ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากอุปทานน้ำมันดิบที่ลดลงใน Gulf of Mexico จากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน Ida ส่งผลให้บริษัทน้ำมันในสหรัฐฯ อาทิ BP, Chevron, Shell และ Equinor ต้องอพยพพนักงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันบริเวณ Gulf of Mexico โดยสำนักความปลอดภัยและกำกับการด้านสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ (Bureau of Safety and Environment Enforcement: BSEE) รายงานว่า แหล่งผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติบริเวณ Gulf of Mexico ต้องหยุดดำเนินการประมาณ 1.74 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 2,091 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คิดเป็น 96% และ 94% ของปริมาณการผลิตใน Gulf of Mexico ตามลำดับ

พายุเฮอริเคน Ida ได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณรัฐ Louisiana ของสหรัฐฯ ในวันที่ 29 ส.ค. 64 ตามเวลาท้องถิ่น และอ่อนตัวลงโดยมีความเร็วลมสูงสุดประมาณ 125 ไมล์/ชม. (201 กม./ชม.) ถือเป็นเฮอริเคนระดับ 3 (ความเร็วลม 178-208 กม./ชม.) ทำให้โรงกลั่นน้ำมันในบริเวณ Gulf Coast ปิดดำเนินการ ประมาณ 2.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้กำลังการกลั่นรวมของโรงกลั่นบริเวณ Gulf Coast คิดเป็น 45% ของทั้งสหรัฐฯ

- Advertisment -

สำหรับปัจจัยอื่นๆ ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ความไม่สงบในอัฟกานิสถาน โดยวันที่ 28 ส.ค. 64 กองทัพสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีกองกำลังติดอาวุธ ISIS-K ด้วยโดรนในจังหวัด Nangarhar ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน เพื่อตอบโต้กลุ่ม ISIS-K ที่ก่อเหตุระเบิดบริเวณสนามบินในกรุง Kabul ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 170 ราย โดยมีทหารสหรัฐฯ เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย และบาดเจ็บอีก 18 ราย ล่าสุดประธานาธิบดีสหรัฐฯ นาย Joe Biden แถลงว่าสนามบินในกรุง Kabul อาจถูกโจมตีอีกครั้งก่อนการอพยพจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ส.ค. 64 นอกจากนั้น ยังต้องติดตามดูสถานการณ์อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และการจ้างงานในสหรัฐฯ ด้วย

ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา (23-27 ส.ค. 64) ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับสูงขึ้นโดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก

  • บริษัทน้ำมันแห่งชาติของเม็กซิโก Petroleos Mexicanos (Pemex) รายงานว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้แท่นขุดเจาะ E-Ku-A2 ในแหล่งผลิตน้ำมันดิบ Ku-Maloob-Zaap (0.72 ล้านบาร์เรลต่อวัน) บริเวณ Campeche ทางตอนใต้ของอ่าวเม็กชิโก เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 64 มีผู้เสียชีวิต 5 คน และผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 6 คน ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ 0.42 ล้านบาร์เรล หยุดชะงัก อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีของเม็กซิโกนาย Andres Manuel Lopez Obrador ยังคงเชื่อมั่นว่า Pemex จะสามารถกลับมาผลิตน้ำมันดิบได้ที่ระดับ 1.80 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในสิ้นปี 2564 เทียบกับครึ่งแรกของปี 2564 ที่ 1.72 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  • Energy Information Adminsitration (EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ส.ค. 64 ลดลง 3.0 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 432.6 ล้านบาร์เรล ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ม.ค. 63 ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 21.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดตั้งแต่เดือน มี.ค. 63
  • จีนส่งสัญญาณสามารถควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ได้ หลังจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Commission) รายงานจำนวนผู้ป่วย COVID-19 รายใหม่ 35 คน ณ วันที่ 29 ส.ค. 64 โดยสูงกว่าวันก่อนหน้า ที่ 21 คน แต่เป็นการติดเชื้อจากภายในประเทศเพียง 1 คน และไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ ปัจจุบันจีนมีผู้ป่วย 94,687 คน และยอดผู้เสียชีวิต 4,636 คน                                                  

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ 

  • การระบาดของ COVID-19 สายพันธ์ Delta ทั่วโลก ส่งผลกระทบให้อุปสงค์น้ำมันลดลง โดยในสหรัฐฯ มีการแพร่ระบาดรุนแรงในรัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ Worldometers รายงาน ณ วันที่ 22 ส.ค. 64 สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 79,391 ราย สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 64 ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 สะสมของสหรัฐฯ มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 645,058 ราย ทั้งนี้รัฐบาลสหรัฐฯ วางแผนจะขยายเวลาข้อบังคับให้ผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะทางเครื่องบิน รถไฟ และรถบัส รวมถึงผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานและสถานีรถไฟ ต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกันไปจนถึงวันที่ 18 ม.ค. 65 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดลงในวันที่ 13 ก.ย. 64
  • กระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ (Department of Energy: DOE) ออกประมูลขายน้ำมันดิบจากคลังสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) ปริมาณรวม 20 ล้านบาร์เรล โดยจะปิดรับข้อเสนอซื้อในวันที่ 31 ส.ค.นี้, ประกาศผลภายในวันที่ 13 ก.ย. 64, และส่งมอบน้ำมันในช่วง 1 ต.ค.-15 ธ.ค. 64 ทั้งนี้ DOE เผย ณ วันที่ 13 ส.ค. 64 ปริมาณสำรองใน SPR อยู่ที่ระดับ 621 ล้านบาร์เรล

Baker Huges รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ (Rig Count) ของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 ส.ค. 64 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 5 แท่น อยู่ที่ 410 แท่น สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 63

Advertisment