ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ทางเทคนิคราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ICE Brent สัปดาห์นี้ (19-23 ก.ค. 2564) อยู่ระหว่าง 71 – 75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากอุปทานน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 หลังกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก และประเทศพันธมิตรนอกกลุ่ม หรือรวมเรียกว่า OPEC+ มีมติในการประชุมวันที่ 18 ก.ค. 64 ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเดือนละ 400,000 บาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ธ.ค. 64 ปริมาณรวม 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และขยายเวลามาตรการลดการผลิตน้ำมันดิบที่จะสิ้นสุดลงเดือน เม.ย. 65 ออกไปเป็นเดือน ธ.ค. 65
ทั้งนี้ ที่ประชุม OPEC+ มีมติปรับ Production Baseline ตั้งแต่ พ.ค. 65 เป็นต้นไป ให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย คูเวตและอิรัก ซึ่ง OPEC+ จะผลิตเพิ่มขึ้นรวม 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่การ Lockdown ในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน
สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เวสท์เท็กซัสฯ และดูไบ รวมถึงราคาน้ำมันสำเร็จรูปเบนซินและดีเซล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (12-16 ก.ค. 64) เป็นดังนี้
–
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- รายงานฉบับเดือน ก.ค. 64 ของ IEA ประมาณการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.39 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 96.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปรับเพิ่มขึ้น 60,000 บาร์เรลต่อวัน จากคาดการณ์เดือนก่อนหน้า)
- EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ที่สหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 ก.ค. 64 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 7.9 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 437.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองที่ Cushing รัฐ Oklahoma ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันดิบ WTI ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 1.6 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 38.1 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- อุปสงค์น้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Delta ที่กำลังระบาดรุนแรงในหลายประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ส่งผลให้หลายประเทศจำเป็นต้องใช้มาตรการ Lockdown
- Baker Hughes Inc. รายงานจำนวน Rig ขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ก.ค. 64 เพิ่มขึ้น 2 แท่น
จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 380 แท่น สูงสุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 64
–