บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น เผย 9 เดือนแรกปี 2561 มียอดกลั่นน้ำมันสูงเป็นประวัติการณ์ หลังการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี พร้อมรุกใช้นวัตกรรมในสถานีบริการน้ำมัน ทั้งตู้จ่ายน้ำมันดิจิตอล สร้างระบบซื้อไฟฟ้าด้วย Blockchain ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าให้แก่ร้านค้า
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยผลดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 143,244 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) 10,518 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 4,710 ล้านบาท
ขณะที่การดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 53,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากไตรมาสก่อนหน้า มี EBITDA 4,160 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,216 ล้านบาท โดยหลักมาจากธุรกิจโรงกลั่นที่มีอัตราการผลิตระดับสูงและค่าการกลั่นที่ดี และธุรกิจพลังงานไฟฟ้ารับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA รวม 2,142 ล้านบาท ปริมาณการผลิตเฉลี่ยทั้งไตรมาส 118,820 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 99 ของกำลังการผลิตรวม เป็นอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยค่าการกลั่นรวม (Total GRM) เท่ากับ 2,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากไตรมาสก่อนหน้า จากค่าการกลั่นพื้นฐาน (Market GRM) ที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากหลังช่วงหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ประกอบกับ ต้นทุนน้ำมันดิบได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคาน้ำมันดิบเดทต์เบรนกับน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ลดลง
ขณะที่กลุ่มธุรกิจการตลาด มีปริมาณการจำหน่ายรวม 1,451 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากปีก่อน และมีส่วนแบ่งการตลาดผ่านสถานีบริการ เป็นอันดับ 2 โดยส่วนแบ่งการตลาด ในเดือน ก.ค. และ ส.ค. อยู่ที่ร้อยละ 16 และมีจำนวนสถานีบริการ 1,154 สาขา ณ สิ้นเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา โดยได้พัฒนา Bangchak Mobile Application เพิ่มความสะดวก รวดเร็วให้กับลูกค้าสมาชิกมากขึ้น พร้อมเปิดตัวสถานีบริการรูปแบบทันสมัยที่ใช้ตู้จ่ายแบบแขวนระบบดิจิตอล บนถนนสุขุมวิท ซอย 62
นอกจากนั้น ได้นำนวัตกรรมใหม่มาใช้ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ศรีนครินทร์ ที่ติดตั้งระบบบริหารจัดการพลังงานชุมชนสีเขียว Green Community Energy Management System หรือ GEMS เพื่อริเริ่มโครงการนำร่องประมูลซื้อไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี Blockchain ในระบบผลิตไฟฟ้าแบบไม่เชื่อมต่อกับสายส่งการไฟฟ้า (Smart Isolated Microgrid) เพื่อให้อาคารและร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่สามารถซื้อ-ขาย ใช้ไฟฟ้าในต้นทุนที่ต่ำได้ปริมาณมากที่สุด
สำหรับธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มีรายได้จากการขายและให้บริการ 830 ล้านบาท และมีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาสนี้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 114 ล้านบาท และยังรับรู้กำไร 795 ล้านบาท จากการจำหน่ายสินทรัพย์โครงการโซลาร์ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศญี่ปุ่น
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล มีรายได้ 1,460 ล้านบาท มีอัตราการผลิตเฉลี่ยที่ 681,000 ลิตรต่อวัน มีสัดส่วนการผสม B100 ในน้ำมันดีเซลร้อยละ 7 ตลอดไตรมาส ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล มีรายได้ 1,156 ล้านบาท
กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ธุรกิจสำรวจและผลิต มีรายได้ลดลงจากปริมาณการจำหน่ายที่ลดลง เนื่องจากกลุ่มบริษัทได้ขายหุ้นใน Nido Production (Galoc) Pty. Ltd. ซึ่งเป็นผู้ถือครองแหล่งน้ำมันดิบ Galoc ร้อยละ 55.8 ซึ่งรายการซื้อขายหุ้นและการชำระดังกล่าวได้แล้วเสร็จในไตรมาส 3 ของปีนี้ ทำให้มีการรับรู้กำไรจากการต่อรองประมาณการเงินทุนหมุนเวียน 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็น 42 ล้านบาท