บางจากฯ เล็งศึกษาตั้งนิคมอุตฯ ชีวภาพ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เบื้องต้นคาดว่าจะจัดตั้งใน จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมเตรียมทุ่มงบ 4-5 พันล้านบาทลงทุนตั้งโรงกลั่นชีวภาพ (Biorefinery) ในนิคมดังกล่าว คาดสร้างเสร็จภายใน 3-4 ปี หวังผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกและสินค้าอื่นๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบางจากฯ อยู่ระหว่างการศึกษาลงทุนนิคมอุตสาหกรรมชีวภาพครบวงจร (Bio Hub) ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยรายละเอียดการลงทุนน่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2562
ทั้งนี้ เบื้องต้นมีการศึกษาลงทุนตั้งโรงกลั่นชีวภาพ (Biorefinery) ในพื้นที่ EEC ดังกล่าว เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4-5 พันล้านบาท และคาดว่าโครงการ Biorefinery จะเกิดขึ้นภายในปี 2562 โดยจะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3-4 ปี จึงจะแล้วเสร็จ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีแนวคิดว่าจะมีการจัดตั้งโรงกลั่นชีวภาพขนาดเล็กต่อยอดร่วมกับทางสหกรณ์การเกษตร ในพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ ซึ่งจะเป็นโรงงานขนาดไม่ใหญ่มาก ลักษณะเป็นโรงกลั่นที่มีหม้อต้ม เพื่อสกัดคาร์บอนฯ (ที่เหลือจากกระบวนการผลิต เช่น เศษไม้ ฟางข้าว ชานอ้อย เป็นต้น) ให้เป็นน้ำตาล จากนั้นจะขนส่งน้ำตาลดังกล่าวไปยังโรงงานใหญ่ เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตวัตถุดิบสำหรับนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ไบโอเบส (Bio-base products) ต่อไป
แหล่งข่าวบริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมชีวภาพครบวงจร (Bio Hub)ในพื้นที่ EEC ของกลุ่มบางจากฯ เบื้องต้น คาดว่าจะต้องใช้พื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ซึ่งปัจจุบัน มีพื้นที่อยู่แล้วใน จ.ฉะเชิงเทรา ประมาณ 500 ไร่ และที่เหลืออยู่ระหว่างหาพื้นที่เพิ่มซึ่งอาจเป็นทั้งการซื้อหรือเช่าที่ดิน