บางจากฯเผยผลประกอบการครึ่งปีแรกรายได้เพิ่มร้อยละ3

187
- Advertisment-

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก รายได้เพิ่มร้อยละ 3 แต่มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) 6,358 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจค้าปลีกน้ำมันยัง ครองส่วนแบ่งตลาด อันดับสอง

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรก 2561 ว่าบริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 89,783 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) 6,358 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2,494 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,153 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.56 บาท

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2561 บริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 45,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มี EBITDA 3,366 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,157 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 1,007 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.73 บาท

- Advertisment -

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท บางจากฯ ทำรายได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่น มี EBITDA 1,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 111 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีปริมาณการผลิตลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 66,800 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 56 ของกำลังการผลิตรวมของโรงกลั่น ซึ่งเป็นไปตามแผนการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประจำปี รวม 45 วัน และในครึ่งปีหลังนี้จะกลับมากลั่นเต็มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค่าการกลั่นพื้นฐาน ปรับลดลงจากปริมาณการผลิตที่ลดลง และจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยที่ปรับตัวขึ้นในไตรมาสนี้ ทำให้มีกำไรจาก Inventory Gain 856 ล้านบาท

ความคืบหน้าของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงกลั่น ตามโครงการ 3E (Efficiency, Energy, and Environment Improvement Project, 3E Project) ขณะนี้ได้ผู้รับเหมามาดำเนินการออกแบบก่อสร้างหน่วยเพิ่มออกเทนและขยายกำลังการผลิตหน่วยแตกโมเลกุล และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563

ด้านกลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 509 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายรวม 1,455 ล้านลิตร ลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ปริมาณการจำหน่ายในส่วนของตลาดอุตสาหกรรมลดลง เนื่องจากการบริหารสต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปในช่วงหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ขณะที่ปริมาณจำหน่ายในตลาดค้าปลีกซึ่งเป็นช่องทางหลักมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการขยายฐานลูกค้าตามกลยุทธ์ที่วางไว้ มีค่าการตลาดรวมสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมากและรวดเร็ว ซึ่งบริษัท บางจากฯ ได้ชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมันหน้าสถานีบริการเพื่อลดภาระให้กับผู้บริโภคในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมตรึงราคาหน้าสถานีบริการในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์

บริษัท บางจากฯ มีส่วนแบ่งการตลาดด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการอยู่ที่อันดับ 2 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 เดือนแรกปี 61 มียอดการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ตลาดรวมขยายตัวเพียงร้อยละ 3 ทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดสะสม 5 เดือนอยู่ที่ร้อยละ 15.7 และมีส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกสูงสุดที่ร้อยละ16 ในเดือนพฤษภาคม ผลจากการขยายจำนวนสถานีบริการมาตรฐานในพื้นที่ที่มีศักยภาพ มีการรักษามาตรฐานการบริการ พร้อมจัดกิจกรรมที่หลากหลายในรูปแบบ Greenovative Experience พร้อมเปิดสถานีบริการเพิ่มขึ้น 71 สาขาเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในพื้นที่ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ปัจจุบันบางจากฯ มีสถานีบริการน้ำมันทั้งสิ้น 1,140 สาขาทั่วประเทศ

ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil ทั้งร้านสะดวกซื้อ SPAR และร้านกาแฟอินทนิล ภายใต้การดูแลของบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด ยังคงพัฒนาและขยายสาขาต่อเนื่องเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 มีจำนวนร้านกาแฟอินทนิลทั้งสิ้น 492 สาขา และ SPAR 35 สาขา

กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้าภายใต้การดำเนินงานของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) บริษัทย่อยของบริษัท บางจากฯ มี EBITDA 793 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวม 81.58 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ลดลงร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากโครงการผลิตไฟฟ้าฯ ในประเทศไทยที่มีค่าความเข้มแสงเฉลี่ยปรับลดลงจากฝนที่ตกต่อเนื่องยาวนานกว่าปกติ แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากค่าความเข้มแสงเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล โดยในไตรมาสนี้รับรู้รายได้จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการ Gotemba กำลังการผลิตไฟฟ้าสัญญา 4 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น

สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพภายใต้การดำเนินงานของบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) บริษัทย่อยของบริษัท บางจากฯ มี EBITDA 171 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจผลิตไบโอดีเซล 122 ล้านบาท และธุรกิจผลิตเอทานอล 74 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจผลิตไบโอดีเซล มีปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ B100 เพิ่มขึ้น จากสัดส่วนการผสม B100 ในน้ำมันดีเซลอยู่ที่ร้อยละ 7 ตลอดทั้งไตรมาส กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบที่ใช้ในการผลิตปรับลดลง แต่ปริมาณการจำหน่ายลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากโรงกลั่นบางจากหยุดซ่อมบำรุงประจำปี

ส่วนธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงเอทานอลแปลงสภาพ มีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากรับรู้ผลการดำเนินงานของ บริษัท เคเอสแอล กรีน อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) จากการควบรวมบริษัท โดยแบ่งเป็นปริมาณการผลิต
เอทานอลจากมันสำปะหลัง เฉลี่ยที่ 96,000 ลิตรต่อวัน และปริมาณการผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล เฉลี่ย 336,000 ลิตรต่อวัน

และกลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA 36 ล้านบาท มาจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีรายได้จากการขายเพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่มีปริมาณการผลิตที่ลดลงตามNatural decline curve ของ Nido โดยในไตรมาสที่ 2 นี้ บริษัท บางจากฯ ได้ประกาศที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน OKEA ในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นแหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ (World Class Asset) อายุการผลิตต่อเนื่องระยะยาว ซึ่งคาดว่าธุรกรรมทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ ในช่วงปลายปี 2561 และได้เข้าทำรายการเพื่อขายแหล่ง Galoc คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสที่ 3

ทั้งนี้ บริษัท บางจากฯ มีแผนการผลักดันธุรกิจให้มีการเติบโตในระยะยาว มีแนวทางการบริหารงานและบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมมองหาโอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ชีวภาพ รวมถึงสถาบัน BiiC ที่มีส่วนสำคัญในการนำนวัตกรรมมาขับเคลื่อนธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ ตามแนวทางที่ดำเนินอยู่บนความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคมเพื่อสร้างความสมดุลอย่างยั่งยืน

Advertisment