กกพ.ตั้ง“พิทักษ์ จรรยพงษ์” นั่งประธานคณะอนุฯจัดหาLNG ระยะยาว

1418
- Advertisment-

บอร์ด คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ตั้ง “พิทักษ์ จรรยพงษ์” นั่งประธานคณะอนุกรรมการแผนและจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ระยะยาว ตั้งเป้า จัดหาก๊าซฯ ให้เพียงพอ ลดผลกระทบค่าไฟฟ้า ปี 2566

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน(Energy News Center-ENC) รายงานว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2565 แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการแผนและการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ระยะยาว โดยมีนายพิทักษ์ จรรยพงษ์ กรรมการกำกับกิจการพลังงานเป็นประธาน และอนุกรรมการอีก 10 คน เพื่อจัดทำแผนปริมาณความต้องการ LNG ของประเทศให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศและของโลกในระยะยาว และตั้งเป้าหมายที่จะลดผลกระทบค่าไฟฟ้าในปี 2566 ให้ได้มากที่สุด

สำหรับคณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้มีทั้งหมด 11 คน โดยมีสัดส่วนจาก กกพ. 4 คน สำนักงาน กกพ. 3 คน และ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ โดยคณะอนุกรรมการฯ จะจัดประชุมชี้แจงผู้มีส่วนได้เสียอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

- Advertisment -

ทั้งนี้อนุกรรมการฯ ดังกล่าวจะจัดทำข้อเสนอต่อ กกพ. ให้มีการจัดหาก๊าซ LNG ในระยะยาวของประเทศให้มีใช้อย่างเพียงพอและเหมาะสม รวมทั้งจัดทำระเบียบการจัดหาก๊าซ LNG ที่โปร่งใสเป็นธรรมตามมาตรฐานสากล โดยสามารถขอให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงหรือมาให้ถ้อยคำเพื่อประกอบการพิจารณาของ กกพ. ได้

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาราคา LNG ตลาดโลกปรับตัวขึ้นสูงกว่า 30 เหรียญสหรัฐฯต่อล้านบีทียู เนื่องจากสถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้สหรัฐและยุโรปใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพื่อกดดันรัสเซีย ขณะเดียวกันรัสเซียได้ตอบโต้โดยลดปริมาณการส่งก๊าซ LNG ให้กับยุโรป หลายชาติในยุโรปจึงเข้ามาแย่งซื้อก๊าซ LNG ในตลาดโลก จนทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว ส่งผลให้ในการประชุม กพช.ที่ผ่านมา ทางนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ กกพ. ติดตามการจัดหาก๊าซอย่างใกล้ชิด จึงเกิดการตั้งอนุกรรมการฯ ดังกล่าวขึ้น

นอกจากนี้ กกพ. ได้ขอให้ประชาชนร่วมประหยัดการใช้ไฟฟ้า โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้ไฟฟ้า 4 ป. ได้แก่ ปลด หรือถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าลดการใช้ไฟฟ้าเมื่อใช้งานเสร็จ ปิด หรือดับไฟ เมื่อเลิกใช้งาน ปรับ อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้อยู่ที่ 26 องศาเซลเซียส และ เปลี่ยน มาใช้อุปกรณ์ประหยัด ไฟฟ้าเบอร์ 5 จะสามารถช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงราคาแพง ซึ่งจะเป็นการลดภาระค่าครองชีพสำหรับตัวเอง และยังจะเป็นการร่วมแรงร่วมใจกันลดภาระโดยรวมให้กับประเทศชาติอีกทางหนึ่งด้วย

Advertisment