บอร์ดบีโอไอเห็นชอบส่งเสริมการลงทุนของไทยออยล์ มูลค่าเงินลงทุน 1.56 แสนล้าน ขยายขีดความสามารถการกลั่นน้ำมันดิบเพื่อผลิตน้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซล ตอบสนองความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่เพิ่มขึ้น และรองรับการเป็นศูนย์กลางการขนส่งและการบินของ EEC นอกจากนั้น ยังเห็นชอบส่งเสริมการลงทุนของ GPSC และผลิตไฟฟ้านวนคร รวมถึงโครงการผลิตชิ้นส่วนฯ ของสยาม เดนโซ่
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ในวันนี้ (13 ก.ย. 2561) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้การส่งเสริมการลงทุน 4 โครงการด้านพลังงานและการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ มูลค่าเงินลงทุนรวม 167,679 ล้านบาท ได้แก่ โครงการลงทุนกิจการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูป ของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบในการผลิตน้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซล เพื่อตอบสนองความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่เพิ่มขึ้น และรองรับการเป็นศูนย์กลางการขนส่งและเมืองการบินของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยโครงการมีมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 156,621 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งไทยออยล์เตรียมลงทุนในปีนี้
นอกเหนือจากโครงการของไทยออยล์ บอร์ดบีโอไอยังเห็นชอบส่งเสริมการลงทุนอีก 3 โครงการ ได้แก่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ 60 เมกะวัตต์และไอน้ำ 10 ตันต่อชั่วโมง เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,105 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี และโครงการของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ได้รับส่งเสริมกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ 57 เมกะวัตต์และไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,980 ล้านบาท โครงการตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง รวมทั้งโครงการส่งเสริมการลงทุน บริษัท สยาม เด็นโซ่ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตชิ้นส่วนระบบเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ลดการใช้น้ำมันและการปล่อยมลพิษเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโรใหม่ เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,973 ล้านบาท ตั้งโครงการที่จังหวัดชลบุรี
นางสาวดวงใจ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเริ่มต้นขั้นตอนไปสู่การเลือกตั้ง หลังจาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และ สว. ประกาศในราชกิจานุเบกษา ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่เข้มแข็ง น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนและนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น