นายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลมีเป้าหมายลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย เชื่อมีโอกาสเป็นไปได้ แต่ต้องหารือกับทุกฝ่ายก่อน ชี้อาจต้องใช้เวลาสักพัก โดยเริ่มต้นจากการลดค่าไฟฟ้าปัจจุบันที่ 4.15 บาทต่อหน่วยให้ค่อยๆ ลดลงมาก่อน ระบุหากรัฐบาลเจรจาสำเร็จจะเป็นประโยชน์กับประชาชนและสร้างการแข่งขันบนเวทีโลกได้มากขึ้น
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นัดแรกของปี 2568 ในประเด็นการลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วยว่า การปรับลดค่าไฟฟ้าเป็นสิ่งที่รัฐบาลเน้นย้ำ เพื่อให้ค่าไฟฟ้าถูกลง ช่วยลดค่าครองชีพพื้นฐานของประชาชน และเป็นการลดต้นทุนการผลิตทำให้ไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ฉะนั้นเมื่อรัฐบาลสามารถเจรจาลดต้นทุนค่าไฟฟ้าลงได้ก็จะเกิดประโยชน์กับประเทศอย่างแน่นอน
สำหรับอัตราค่าไฟฟ้าที่ 3.70 บาทต่อหน่วยนั้น เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการจะทำให้ได้ ซึ่งจะต้องพูดคุยกับหลายฝ่าย โดยจะต้องตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่ยังมีความซ้ำซ้อนเกิดขึ้น จึงต้องหารือกับทุกภาคส่วนเพื่อหาข้อตกลงร่วมกันและลดค่าไฟฟ้าได้ แต่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย ซึ่งประชาชนไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะเป็นเป้าหมายอันดับแรกๆ ที่รัฐบาลต้องการหยิบยกมาหารือกัน
อย่างไรก็ตามนายกฯ ได้ยืนยันว่า ค่าไฟฟ้า 3.70 บาทต่อหน่วยนั้น มีโอกาสเป็นไปได้แต่ต้องทำงานร่วมกันกับทุกฝ่าย โดยจะต้องเริ่มจากลดตัวเลขค่าไฟฟ้าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ให้ค่อยๆ ลดลงมาก่อน
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า แนวคิดค่าไฟฟ้า 3.70 บาทต่อหน่วย เกิดจากกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นเวทีปราศรัยในฐานะผู้ช่วยหาเสียงช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) เชียงราย พรรคเพื่อไทย โดยในช่วงหนึ่งมีการระบุว่า “ปีนี้ค่าไฟฟ้าจะต้องลงไปอยู่ที่เลข 3 ไม่ใช่เลข 4 ใจตนอยากให้เหลือ 3.50 บาท แต่คงได้แค่ 3.70 บาท กำลังให้เค้าช่วยทุบอยู่ปีนี้ค่าไฟลงแน่ เห็นตัวเลขแล้วทุบได้”
สำหรับปัจจุบันค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2568 ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศลดอัตราค่าไฟฟ้าลง 3 สตางค์ต่อหน่วย จาก 4.18 บาทต่อหน่วย เหลือ 4.15 บาทต่อหน่วย