จากกรณีเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.4 แมกนิจูด ซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา พิกัดละติจูด 21.682 องศาเหนือ และลองจิจูด 96.121 องศาตะวันออก ความลึกประมาณ 10 กิโลเมตร ส่งผลให้หลายพื้นที่ในแถบภาคเหนือและภาคกลางของประเทศไทยรับรู้แรงสั่นสะเทือน โดยเฉพาะในพื้นที่อาคารสูงและเขตชุมชนเมือง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ เกิดความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของอาคาร รวมถึงระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญ โดยเฉพาะ ระบบไฟฟ้าภายในอาคาร ซึ่งถือเป็นระบบที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงหากไม่ได้รับการตรวจสอบหลังเกิดแรงสั่นสะเทือน ดังนั้นเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากไฟฟ้ารั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร หรืออัคคีภัย ทาง ผศ.ดร.จิรวดี ผลประเสริฐ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้แนะแนวทางและข้อควรปฏิบัติเบื้องต้นเพื่อความปลอดภัยทางไฟฟ้าในอาคาร หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว (Preliminary Guidelines or Practices for Electrical Safety in Buildings After an Earthquake) ดังนี้

ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร
✅ ขั้นตอนที่ 1 ปิดระบบไฟฟ้าหลัก (Main Breaker)
วัตถุประสงค์ เพื่อหยุดการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่อาคาร ลดความเสี่ยงต่อไฟฟ้าลัดวงจรหรือช็อต
🔌 ปิดเมนเบรกเกอร์ทันทีหลังเกิดแผ่นดินไหว
🚫 ห้ามบุคคลทั่วไปเข้าใกล้บริเวณที่มีสายไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่อาจเสียหาย
🔦 หากต้องเข้าตรวจสอบในที่มืด ให้ใช้ไฟฉายที่ปลอดภัย ห้ามใช้เปลวไฟหรืออุปกรณ์ที่เกิดประกายไฟ
✅ ขั้นตอนที่ 2 ตรวจสอบสายไฟฟ้า
วัตถุประสงค์ เพื่อตรวจสอบว่าสายไฟอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ปลอดภัยจากความเสียหายทางกายภาพ
➲ ตรวจสอบสายไฟภายนอกและภายในอาคาร ว่ามี การหลุด ฉีกขาด หรือไหม้เกรียม หรือไม่
➲ ให้ความสำคัญกับสายไฟที่ซ่อนอยู่ เช่น บนฝ้าเพดาน ใต้พื้น หรือภายในท่อร้อยสาย
✅ ขั้นตอนที่ 3 ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า
วัตถุประสงค์ เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ยังปลอดภัย
➲ ตรวจสภาพ ปลั๊ก สวิตช์ เต้ารับ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น พัดลม โคมไฟ ตู้เย็น
➲ หากพบว่าอุปกรณ์มี กลิ่นไหม้ ควัน หรือเสียงผิดปกติ ให้หยุดใช้งานทันที
✅ ขั้นตอนที่ 4 ตรวจสอบแผงควบคุมไฟฟ้า (MDB/DB)
วัตถุประสงค์ เพื่อประเมินสถานะของเบรกเกอร์หลัก และระบบการจ่ายไฟ
➲ เปิดฝาแผงอย่างระมัดระวังเพื่อตรวจสอบภายใน
➲ ตรวจดูว่าเบรกเกอร์มี รอยไหม้ หลวม หรือคราบเขม่าดำ หรือไม่
➲ หากพบความผิดปกติ ควรงดใช้งานทันทีและแจ้งผู้เชี่ยวชาญ
✅ ขั้นตอนที่ 5 ตรวจสอบระบบสายดิน (Grounding)
วัตถุประสงค์ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบสามารถระบายไฟฟ้ารั่วได้อย่างปลอดภัย
➲ ตรวจสอบว่าสายดินยังเชื่อมต่อกับโครงโลหะอย่างสมบูรณ์
➲ หากสายดินขาดหรือหลุด อาจทำให้เกิดไฟฟ้ารั่วเข้าสู่ผนังหรือโครงสร้างอาคาร ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
✅ ขั้นตอนที่ 6 ห้ามใช้งานระบบไฟฟ้าก่อนตรวจสอบ
วัตถุประสงค์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรืออุปกรณ์เสียหายเพิ่มเติม
➲ ห้ามเสียบปลั๊กหรือเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าใด ๆ
➲ การเปิดใช้งานโดยไม่ตรวจสอบ อาจก่อให้เกิด ไฟฟ้าช็อต อัคคีภัย หรือระบบล้มเหลว
✅ ขั้นตอนที่ 7 ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอย่างละเอียด
วัตถุประสงค์ เพื่อความมั่นใจว่าระบบไฟฟ้าทั้งหมดปลอดภัยก่อนกลับมาใช้งาน
➲ ควรเรียก ช่างไฟฟ้าหรือวิศวกรไฟฟ้าที่มีใบรับรอง มาทำงานนี้
➲ อาคารขนาดใหญ่ควรตรวจสอบทั้งระบบโหลด แรงดัน และอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้า
✅ ขั้นตอนที่ 8 บันทึกผลและแจ้งซ่อม
วัตถุประสงค์ เพื่อให้สามารถแก้ไขความเสียหายได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
➲ ถ่ายภาพจุดที่พบความเสียหายไว้เป็นหลักฐาน
➲ แจ้งฝ่ายอาคารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการซ่อมแซมอย่างเป็นระบบ
🚫 ข้อควรระวัง
♦ ห้ามใช้น้ำในการดับเพลิงที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ควรใช้ถังดับเพลิงชนิด C
♦ ห้ามสัมผัสสายไฟที่ตกพื้น หรืออยู่ในบริเวณที่มีน้ำขัง
♦ ห้ามให้บุคคลที่ไม่มีความรู้หรือไม่มีใบอนุญาตดำเนินการตรวจสอบหรือซ่อมแซมระบบไฟฟ้า
