ทีพีเอ็น เดินหน้าคลังน้ำมันบ้านไผ่ ตามแผนหลัง”สนธิรัตน์”วางศิลาฤกษ์วันนี้

3608
- Advertisment-

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานวางศิลาฤกษ์คลังน้ำมันขนาด140ล้านลิตร  อำเภอบ้านไผ่จังหวัดขอนแก่น ของบริษัทไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค (ทีพีเอ็น) ซึ่งพร้อมเดินหน้าการก่อสร้างตามกำหนดการ หลังได้รับความเห็นชอบด้านรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) รวมถึงใบอนุญาตเห็นชอบแบบการก่อสร้างระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อ จากกรมธุรกิจพลังงาน 

เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2563 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์คลังน้ำมัน ขนาด140 ล้านลิตร อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ของบริษัทไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค (ทีพีเอ็น)โดยมีนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น  นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน  นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน และผู้บริหารบริษัททีพีเอ็น ร่วมในพิธี

- Advertisment -

นายกัมพล ตติยกวี ประธานกรรมการ บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (ทีพีเอ็น – TPN) กล่าวว่า ระบบท่อขนส่งน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมทั้งคลังน้ำมันแห่งนี้
เอื้อต่อนโยบายการเก็บสำรองน้ำมันสำเร็จรูปในคลังส่วนภูมิภาค ส่งผลให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เชื่อถือได้ (Reliable) ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจต่อประเทศ รวมถึงยังเป็นการรองรับการขยายตัวด้านการใช้น้ำมันในภูมิภาคอาเซียน ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางพลังงานของภูมิภาค

โดยโครงการขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบริษัท ไทยไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด ซึ่งได้คัดเลือกให้บริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม ไปป์ไลน์ บูโร (ประเทศไทย) จำกัด (ซีพีพี – CPP) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างเมื่อต้นปีที่ผ่านมานั้น มีระยะทางทั้งสิ้น 342 กิโลเมตร ผ่าน 70 ตำบล 22 อำเภอ 5 จังหวัด เริ่มจากอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี มาสิ้นสุดที่อำเภอบ้านไผ่จังหวัดขอนแก่น และมีการก่อสร้างคลังน้ำมันปลายทางที่อำเภอบ้านไผ่ขนาด 140 ล้านลิตร ซึ่งเมื่อระบบแล้วเสร็จจะสามารถลดปริมาณการขนส่งน้ำมันทางรถบรรทุกลงไปจำนวนประมาณ 200,000 เที่ยวต่อปี คิดเป็นการประหยัดเชื้อเพลิงในการขนส่งลงไปได้กว่า 21 ล้านลิตรต่อปี อีกทั้งยังส่งผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันของประเทศ ลดความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในการขนส่ง ลดปัญหาด้านอุบัติเหตุรวมถึงแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นโครงการฯ สำคัญที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

Advertisment