“คณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม” ประชุมนัดแรกราบรื่น มีมติตั้งคณะทำงานย่อย 10 คนหารือปรับโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นเป็นเรื่องแรก กำหนดวันประชุม 28 พ.ย. หวังเห็นผลเป็นรูปธรรม ภายในสิ้นปีนี้ ด้าน” รสนา”ตัวแทนฝั่งภาคประชาชนเสนอรัฐลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันและเปลี่ยนสูตรอ้างอิงจากราคานำเข้าตลาดสิงคโปร์ เป็นราคาส่งออก
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ซึ่งตั้งขึ้นตามประกาศคำสั่งกระทรวงพลังงาน ที่43/2562 เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 เปิดเผยภายหลังการประชุมนัดแรกวันนี้( 21 พ.ย.2562) ว่า ที่ประชุมได้มีข้อสรุปให้มีการแบ่งคณะทำงานชุดใหญ่ที่มีกรรมการทั้ง 39 คน เป็นคณะทำงานชุดย่อยเพื่อแยกหัวข้อออกมาหารือในแต่ละประเด็นแทน ซึ่งน่าจะทำให้ได้ข้อยุติร่วมกันเร็วขึ้น โดยที่ประชุมเห็นว่า ควรหยิบเรื่องการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น เป็นเรื่องแรก
ทั้งนี้ในคณะทำงานชุดย่อย มีการกำหนดสัดส่วนแบ่งเป็นฝั่ง ผู้แทนภาคประชาชน 5 คนและให้มีผู้ร่วมสังเกตการณ์อีก5คน ในขณะที่ฝั่งผู้แทนภาครัฐ มีผู้แทน5คน และผู้ร่วมสังเกตการณ์อีก5คน เช่นเดียวกัน โดยได้มีการเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มานั่งเป็นประธาน แต่หากรัฐมนตรีพลังงานติดภารกิจสำคัญ ก็จะมอบหมายให้ตนทำหน้าที่เป็นประธานแทน
นายกุลิศ กล่าวว่า ข้อสรุปที่ได้จากคณะทำงานย่อยจะนำเสนอต่อคณะทำงานชุดใหญ่ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
“คณะทำงานย่อยกำหนดประชุมนัดแรกในวันที่ 28พ.ย.นี้ โดยทั้งฝั่งภาคประชาชน และภาครัฐ จะกลับไปทำการบ้าน เพื่อหาข้อมูลมาพิจารณาร่วมกัน ว่ามีแนวทางในการปรับโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่นอย่างไร มีประเด็นใดบ้างที่ยังเห็นว่าไม่มีความเป็นธรรม ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่า ราคาหน้าโรงกลั่นจะต้องปรับลดลงหรือไม่ โดยต้องพิจารณาไปตามข้อเท็จจริง” นายกุลิศ กล่าว
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ในวันนี้ โดยภาพรวมถือว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ต่างฝ่ายซึ่งมีข้อมูลและอาจจะเชื่อในชุดข้อมูลที่แตกต่างกัน จะได้นำข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับโครงสร้างราคาพลังงาน มาพิจารณาร่วมกัน เพื่อให้ได้ทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ร่วมกัน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ มีความจริงใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องนี้ และหากไม่ติดภารกิจเร่งด่วน ก็จะเข้ามาร่วมประชุมในคณะทำงานย่อยด้วย เพื่อให้การทำงานนำไปสู่การตัดสินใจและการปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมได้เร็วขึ้น
ด้านน.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้แทนคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ในส่วนของภาคประชาชน กล่าวว่า ภาคประชาชนมีความหวังว่าการหารือในคณะทำงานย่อยจะนำไปสู่ การปรับปรุงโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่น โดยเฉพาะการเปลี่ยนวิธีอ้างอิงราคานำเข้าจากตลาดสิงคโปร์ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง และมีการบวกค่าใช้จ่ายเทียมเข้าไป มาเป็นราคาเดียวกับที่โรงกลั่นส่งออก ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันถูกลงได้อีก ประมาณ1บาทต่อลิตร
นอกจากนี้ยังเสนอให้รัฐพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตลงอีก3 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันรัฐเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลอยู่ประมาณ 6 บาทต่อลิตร โดยอยากให้มีผลภายในสิ้นปี 2562 นี้เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน
ทั้งนี้เห็นว่าหากภาครัฐลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันประชาชนส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์มากกว่าการนำเงินงบประมาณไปแจกในโครงการชิม ช้อป ใช้ ที่รัฐต้องใช้เงินไปทั้งหมด รวมประมาณ1.6แสนล้านบาท แต่คนที่ได้ประโยชน์มีเฉพาะกลุ่มเพียงประมาณ 5ล้านคนเท่านั้น
นางบุญยืน ศิริธรรม หนึ่งในผู้แทนคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม (ฝั่งภาคประชาชน)กล่าวว่า คณะทำงานมีข้อตกลงร่วมกันที่จะให้คณะทำงานย่อยที่ตั้งขึ้นมา ต้องแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในทุกครั้งที่มีการประชุม เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ทั้งนี้ หากการประชุมในลักษณะคณะทำงานดังกล่าว สามารถคลี่คลายปัญหาโครงสร้างราคาพลังงานที่ไม่เป็นธรรม โดยที่แต่ละฝ่ายยอมรับกันได้ ก็น่าจะใช้เวทีดังกล่าวแก้ปัญหาเรื่องพลังงานอื่นๆด้วยในอนาคต