ตลาดกังวลสหรัฐฯ จะเดินหน้าเพิ่มการผลิตน้ำมันหลังทรัมป์ชนะเลือกตั้ง

159
- Advertisment-

หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์วันที่ 4 – 8 พ.ย. 67 และแนวโน้มในสัปดาห์วันที่ 11 – 15 พ.ย. 67 โดยระบุว่าตลาดมีความกังวลว่าสหรัฐฯจะเดินหน้าเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบหลังโดนัลด์ ทรัมป์ชนะเลือกตั้งก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดี คนที่ 47 ของสหรัฐฯ

ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรค Republican ได้รับชัยชนะ ด้วยคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 312 ต่อ 226 เสียง เป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 และ 47 ของสหรัฐฯ ซึ่งมีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมน้ำมัน และการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน รวมถึงเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ อาจส่งผลให้ราคาพลังงานลดลง ทั้งนี้ ปัจจุบันสหรัฐฯ ผลิตน้ำมันดิบอยู่ที่ 13.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และส่งออกประมาณ 3-5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เฉลี่ยรายสัปดาห์ ประจำสัปดาห์วันที่ 4 – 8 พ.ย. 67 ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข่าวพลังงาน Energy News Center ติดตามสถานการณ์ราคา พบว่ามีทิศทางปรับลดลงจากความกังวลเรื่อง oversupply โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าราคาน้ำมันลดลงมากกว่า 2% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังแผนกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของจีนที่เป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก ในขณะที่อุปทานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2568 โดยสัญญาน้ำมันเบรนท์ปิดตลาดที่ 71.83 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 2.04เหรียญสหรัฐ หรือ 2.76% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดที่ 68.04 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 2.34 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 3.32% หลังจากราคาทั้งสองตลาดร่วงลงมากกว่า 2% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

- Advertisment -

จากรายงานของ ปตท. ระบุว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2567 รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 10 ล้านล้านหยวน (1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพื่อพยายามแก้ไขปัญหาหนี้รัฐบาลท้องถิ่นโดยการกู้เงินใหม่ หรือ Refinance ซึ่งวาณิชธนกิจ UBS Group AG วิจารณ์ว่ามาตรการนี้ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง และคาดว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมอีกในอนาคต

Reuters รายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC (12 ประเทศ) ในเดือน ต.ค. 2567 เพิ่มขึ้น 190,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 26.33 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังลิเบีย และเวเนซุเอลาผลิตเพิ่มขึ้น

วันที่ 7 พ.ย. 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) ของ Fed มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 4.50 – 4.75% ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปี 2567 สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 66 ทั้งนี้ การประชุม FOMC ครั้งถัดไปจะเป็นวันที่ 17-18 ธ.ค. 67

Advertisment