คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไฟเขียวผ่อนผันการบังคับใช้กฎหมาย “ยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ” ออกไปเป็นครั้งที่ 2 ระยะเวลา 2 ปี ส่งผลกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังสามารถใช้เงินชดเชยราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์และดีเซลในประเทศได้จนถึง 24 ก.ย. 2569 ชี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีการชดเชยราคาน้ำมันตลอดไป ยกเว้นกรณีเกิดวิกฤติราคาพลังงานเท่านั้น ย้ำแม้ปัจจุบันกองทุนฯ ไม่ได้ชดเชยราคาน้ำมันกว่า 1 เดือนแล้ว แต่ยังจำเป็นต้องขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไป เหตุเกษตรกรและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเอทานอลและน้ำมันปาล์มยังไม่สามารถปรับตัวได้ทัน
แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมาได้มีมติอนุมัติตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เสนอขอผ่อนผันการใช้กฎหมาย “ยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ” ออกไปอีก 2 ปี ซึ่งจะส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถนำเงินไปชดเชยราคาน้ำมันได้ตามปกติจนถึง 24 ก.ย. 2569 นี้เท่านั้น
สำหรับ พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ได้กำหนดให้กองทุนน้ำมันฯ ต้องยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ ทั้งกลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล์ต่างๆ และน้ำมันดีเซล B7 และดีเซล B20 มาตั้งแต่ปี 2565 แต่กฎหมายเปิดโอกาสให้ขอยืดเวลาการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวได้ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 2 ปี ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้ขอขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามการขอผ่อนผันการใช้กฎหมายดังกล่าวในรอบนี้ ถือเป็นการขอผ่อนผันครั้งที่ 2 ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้าย ดังนั้นหลังจากวันที่ 24 ก.ย. 2569 จะส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ไม่สามารถนำเงินไปชดเชยราคาน้ำมันที่มีส่วนผสมจากพืชพลังงานได้อีก ทั้งน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์และน้ำมันกลุ่มดีเซลทั้งหมด เนื่องจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์มีส่วนผสมของพืชพลังงานที่เป็นเอทานอล ซึ่งได้จากกากน้ำตาลและมันสำปะหลัง ส่วนน้ำมันดีเซลทุกชนิดปัจจุบันมีการผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ไว้
ทั้งนี้แม้กฎหมายจะบังคับให้ยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันที่มีส่วนผสมของพืชพลังงานในอนาคต แต่ยังยกเว้นกรณีเกิดวิกฤติราคาพลังงาน เนื่องจากเป็นไปตามวัตถุประสงค์กองทุนฯ ที่จะใช้เพื่อดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศ ในยามที่เกิดภาวะฉุกเฉินด้านวิกฤติพลังงานขึ้น
แหล่งข่าว กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ไม่ได้ชดเชยราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์นานแล้ว และในส่วนของน้ำมันดีเซลก็ยกเลิกการชดเชยมาตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันโลกปรับลดลง และกองทุนฯ ได้หันมาเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ ด้วย ล่าสุดตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้สั่งให้เรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เพื่อส่งเข้ากองทุนฯ 3.19 บาทต่อลิตร
ส่วนกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ กบน. เรียกเก็บเงินผู้ใช้ส่งเข้ากองทุนฯ ดังนี้ ผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์95 และ 91 ส่งเข้า 4.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ส่งเข้า 2.61 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่งเข้า 1.16 บาทต่อลิตร
ดังนั้นแม้ปัจจุบันกองทุนฯ ไม่ได้ชดเชยราคาน้ำมันทุกชนิดแล้ว แต่ กบน. ยังคงต้องขอ ครม.ผ่อนผันการใช้ “มาตรการยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ” ออกไปอีกครั้ง เป็นระยะเวลา 2 ปี ดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันพบว่าผู้ผลิตและผู้ค้าเอทานอล รวมถึงน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ และเกษตรกรยังไม่พร้อมในการปรับตัว เพื่อนำผลิตภัณฑ์เอทานอลและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ไปจำหน่ายในด้านอื่นๆ แทนการขายให้ภาคพลังงาน ซึ่งหากไม่ขอผ่อนผันการใช้กฎหมายในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเอทานอลและน้ำมันปาล์มทั้งระบบได้
โดยระยะเวลาที่เหลือ 2 ปีจากนี้ กระทรวงพลังงานจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงเกษตรกรและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเอทานอล และน้ำมันปาล์ม เกี่ยวกับข้อกฎหมายดังกล่าว และการส่งเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มให้เอทานอลและน้ำมันปาล์มไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมด้านผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สมุนไพร และผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพต่อไป