“กุลิศ สมบัติศิริ” กลายเป็นคนนอกกระทรวง อีกคนที่ข้ามห้วยมานั่งเป็นปลัดกระทรวงพลังงานคนที่ 8 แทน นายธรรมยศ ศรีช่วย ปลัดกระทรวงพลังงานคนปัจจุบันที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน 30 ก.ย. 2561 ในขณะที่ “ธรรมยศ” การันตี ปลัดพลังงานข้ามห้วย ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสานต่อนโยบายความมั่นคงพลังงาน มั่นใจนายกุลิศปรับตัวได้ เพราะมีพื้นฐานด้านพลังงานอยู่แล้วจากการนั่งเป็นบอร์ดปตท.สผ. ด้านแหล่งข่าว เผยแคนดิเดท ปลัดคนในกระทรวงรู้ตัวล่วงหน้าก่อนแล้ว ว่าจะมีการตั้งปลัดจากคนนอก โดยระบุงานสำคัญปลัดพลังงานคนใหม่ คือการพิจารณาคัดเลือกเอกชนที่เข้าร่วมประมูลแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมที่จะหมดอายุ เอราวัณ –บงกช ให้รู้ผลตามเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้ เพราะต้องเป็นประธานคณะกรรมการปิโตรเลียมโดยตำแหน่ง และแอบกังวลเรื่องการขัดกันเรื่องผลประโยชน์ เพราะนาย กุลิศ ยังเป็นบอร์ด บริษัท ปตท.สผ. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมประมูล
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center –ENC ) รายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2561 มีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากรเป็นปลัดกระทรวงพลังงานคนใหม่ แทนนายธรรมยศ ศรีช่วย ปลัดกระทรวงพลังงาน ที่จะเกษียณอายุราชการใน วันที่ 30 ก.ย. 2561 นี้
ทั้งนี้การแต่งตั้ง ปลัดกระทรวงพลังงานคนใหม่ ที่ข้ามห้วยจากกระทรวงอื่น ว่าในอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีการแต่งตั้งบุคคลภายนอกมาเป็นปลัดกระทรวงพลังงานมาแล้ว เช่น นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม โยกย้ายจากปลัดกระทรวงกระทรวงการคลังมาเป็น เลขาธิการสำนักงงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ กพร. ก่อนที่จะย้าย จากเลขาธิการ กพร.มาเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน โดยอยู่ในตำแหน่งตั้งแต่ 27 มิ.ย. 2557-24 พ.ค. 2558 ก่อนที่คณะรัฐมนตรี จะย้าย นายอารีพงศ์ จากปลัดกระทรวงพลังงาน ไปเป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อเปิดทางให้ นายคุรุจิต นาครทรรพ ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน แทน ในช่วงสั้นๆ เพียง 4 เดือน และนายอารีพงศ์ กลับมาเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นรอบที่สอง อยู่ในตำแหน่งช่วง 1 ต.ค. 2558-30 ก.ย. 2560
นายธรรมยศ ศรีช่วย ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ถึงการแต่งตั้งนายกุลิศ ที่ข้ามห้วยจากอธิบดีกรมศุลกากร มาเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน ว่า เชื่อว่าปลัดพลังงานคนใหม่จะสามารถสานต่องานที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ริเริ่มไว้และผลักดันให้เกิดผลต่อเนื่องได้ ดังนั้นโดยส่วนตัวจึงไม่มีความกังวลหรือห่วงงานด้านพลังงานที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากงานทุกด้านได้วางระบบไว้แล้วตามนโยบายของ
นอกจากนี้นายกุลิศ ยังเป็นบุคคลที่อยู่แวดวงพลังงานมากก่อน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ(บอร์ด)บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.ด้วย ซึ่งถือเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านพลังงาน หากจะเข้ามาเป็นปลัดกระทรวงพลังงานจริงก็เชื่อว่าจะสามารถปรับตัวได้และนำพากระทรวงพลังงานไปสู่แผนงานที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานวางไว้ได้
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การแต่งตั้งปลัดกระทรวงพลังงานคนใหม่ ที่ข้ามห้วยมาจากกระทรวงอื่นๆ ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของคนในกระทรวงที่เป็นแคนดิเดท จะได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน ทั้ง นายประพนธ์ วงศ์ท่าเรือ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ,นายยงยุทธ จันทโรทัย รองปลัดกระทรวงพลังงาน ,นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช รองปลัดกระทรวงพลังงาน และนายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) โดยมีการส่งสัญญาณข่าววงในของการตั้งปลัดพลังงานจากคนนอกกระทรวง ให้รับทราบกันก่อนแล้ว โดย ชื่อของนายกุลิศ ก็เป็นชื่อหนึ่งที่มีการเอ่ยถึง นอกเหนือ จากชื่อของ นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย และ นายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สำหรับงานสำคัญของนายกุลิศ ที่จะต้องดำเนินการภายในปีนี้ ซึ่งถือเป็นงานสำคัญระดับประเทศ คือการพิจารณา คัดเลือกเอกชนที่จะได้สิทธิบริหารจัดการแหล่งปิโตรเลียม ที่จะสิ้นสุดอายุ (เอราวัณ –บงกช) เนื่องจากตามกฎหมายปิโตรเลียม นายกุลิศ จะต้องนั่งเป็นประธานคณะกรรมการปิโตรเลียม ที่จะต้องพิจารณาเรื่องดังกล่าว เพื่อเสนอต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวพลังงาน และคณะรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลเรื่องการขัดกันของผลประโยชน์ เนื่องจากปัจจุบัน นายกุลิศ ยังเป็น กรรมการและกรรมการกำหนดค่าตอบแทน หรือ บอร์ดในบริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีงานเกี่ยวกับเสนอแต่งตั้งข้าราชการที่จะมานั่งในตำแหน่งอธิบดี กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมธุรกิจพลังงาน และหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง เพื่อทดแทนคนที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่30 ก.ย. 2561 ซึ่งเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงพลังงานด้วย
สำหรับนายกุลิศ นั้น ปัจจุบันอายุ 55 ปี ซึ่งหากดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพลังงาน จนเกษียณอายุราชการ จะทำให้ ทั้งนายยงยุทธ และนายประพนธ์ หมดสิทธิ์ ที่จะขึ้นเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน เนื่องจากนายยงยุทธ เหลืออายุราชการอีก 2 ปี และนายประพนธ์ เหลืออายุราชการอีก 3ปี