สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประกาศยกเลิกการสรรหาตำแหน่ง “รองผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนฯ” อีกรอบ รวมระยะเวลาเปิดรับสมัครและสรรหามากว่า 3 ปี ยังไม่บรรลุผลสำเร็จ ระบุเหตุผลไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ แม้ที่ผ่านมาจะประกาศ 7 รายชื่อที่ได้รับการเข้าสัมภาษณ์แล้วก็ตาม โดยเตรียมประกาศรับสมัครใหม่อีกครั้งต่อไป ขณะที่เงินกองทุนฯ มีเหลือประมาณ 13,007 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center- ENC) รายงานว่า นายรัฐฉัตร ศิริพานิช ผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานคนใหม่ ได้ลงนามในประกาศวันที่ 22 ส.ค. 2566 ประกาศ “ยกเลิกการคัดสรรพนักงาน ระดับรองผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ด้านวิชาการ” เนื่องจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารสำนักงานบริหารกองทุนฯ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2566 มีมติให้ยกเลิกการคัดสรรพนักงาน ระดับรองผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนฯ เนื่องจากไม่เป็นไปตามข้อบังคับคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2561 โดยให้สำนักงานบริหารกองทุนฯ เปิดรับสมัครรองผู้จัดการฯ ใหม่อีกครั้ง
สำหรับการเปิดรับสมัครตำแหน่งรองผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนฯ ได้ใช้เวลาในการเปิดรับสมัครมาถึง 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2563 จนปัจจุบันยังไม่สามารถคัดสรรได้ ล่าสุดที่ผ่านมา นายรัฐฉัตร ศิริพานิช ที่เพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเมื่อวันที่ 30 พ.ค.2566 ได้เตรียมแต่งตั้งทีมงานบริหารชุดใหม่ โดยประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการสัมภาษณ์เพื่อคัดสรรบุคคลมาดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการฯ (ด้านบริหาร) โดยมีผู้มีสิทธิ์เข้ารับการสัมภาษณ์ 7 คน คือ
นาย เอกรินทร์ วาสนาส่ง
นาย อัมรินทร์ วงษ์พันธุ์
นาย ชวภณ ธนวัชณรงค์
นาย พรชัย จิรกุลไพศาล
นาย เที่ยงทน คำภิเดช
นาย สุภกิณห์ สมศรี
นาย ฐาปกรณ์ มีเดช
อย่างไรก็ตามสุดท้ายก็ต้องประกาศยกเลิก และจะทำการรับสมัครเพื่อคัดสรรใหม่อีกครั้ง
ส่วนภาพรวมฐานะของกองทุนฯ ที่สรุปโดยสำนักงานบริหารกองทุนฯ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2566 กองทุนฯ มีเงินคงเหลือรวม13,007.48 ล้านบาท จากในอดีตที่เคยมีวงเงินสูงสุด ณ วันที่ 31 ก.ค. 2561 อยู่ที่ 41,874 ล้านบาท อย่างไรก็ตามล่าสุดกองทุนฯ ได้กำหนดกรอบการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ปี 2565-2567 ไว้ โดยให้ใช้จ่ายเงินปีละ 4,000 ล้านบาท ภายในวงเงินรวม 12,000 ล้านบาท โดยให้คณะกรรมการกองทุนฯ มีอำนาจปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขและลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ และการจัดสรรเงินตามแผนงานต่างๆ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ซึ่งในปี 2566 นี้ได้ให้เงินสนับสนุนเพียง 2,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ที่กำหนดไว้ 3,850 ล้านบาท และย้อนไปในปี 2564 ให้เงินสนับสนุนโครงการฯ ถึง 6,500 ล้านบาท