กองทุนน้ำมันฯ เริ่มต้นปี 2568 ประกาศข่าวดี กองทุนฯ ติดลบต่ำสุดในรอบ 2 ปี นับจากปี 2566 เหลือติดลบรวม -75,945 ล้านบาท หลังคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) หยุดชดเชยราคาดีเซลตั้งแต่ ส.ค. 2567 ทำให้กองทุนฯ มีเงินไหลเข้าเดือนละกว่า 7,000 ล้านบาท ขณะราคาน้ำมันโลกยังผันผวน ส่งผล กบน. ล่าสุดสั่งลดเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเหลือ 0.91 บาทต่อลิตร เพื่อพยุงราคาขายปลีกไม่ให้เกินลิตรละ 33 บาท ต่อไป
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้ประกาศฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มต้นปี 2568 ว่าเงินกองทุนฯ ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2568 เหลือติดลบรวม -75,945 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบน้อยลงเหลือเพียง -29,009 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) เหลือติดลบรวม -46,936 ล้านบาท
โดยนับเป็นวงเงินที่ติดลบน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2566 ที่ตอนนั้นกองทุนฯ ติดลบรวม -78,680 ล้านบาท และสิ้นสุดปี 2567 กองทุนฯ ติดลบรวม -77,532 ล้านบาท
ทั้งนี้เนื่องจากกองทุนฯ ได้หยุดการชดเชยราคาน้ำมันทุกชนิดตั้งแต่เดือน ส.ค. 2567 และหันมาเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันทุกรายเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ แทน จนล่าสุดกองทุนฯ มีเงินไหลเข้า 262.77 ล้านบาทต่อวัน หรือ กว่า 7,800 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนเงินไหลออกจากการชดเชยราคา LPG อยู่ที่ -45.59 ล้านบาทต่อวัน หรือ ไหลออก -1,367 ล้านบาทต่อเดือน
ขณะที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2568 คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ได้มีมติลดเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ เหลือ 0.91 บาทต่อลิตร จากเดิมเก็บอยู่ 1.53 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และต้องการพยุงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลเกรดพรีเมียม เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ 2.41 บาทต่อลิตร จากเดิมเก็บอยู่ 3.03 บาทต่อลิตร
สำหรับผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินยังคงเรียกเก็บเท่าเดิม ดังนี้ ผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ส่งเข้ากองทุนฯ 10.68 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ส่งเข้าถึง 4.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ส่งเข้า 2.61 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่งเข้า 1.16 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตามแม้กองทุนฯ จะเริ่มมีเงินไหลเข้ามากขึ้น แต่ตลอดปี 2568 ถือเป็นงานหนักที่กองทุนฯ จะต้องจ่ายหนี้เงินต้นคืนสถาบันการเงินทุกเดือน โดยในเดือน ม.ค. 2568 จะต้องจ่าย 833.45 ล้านบาท และจะทยอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ในเดือนต่อๆ ไป จนไปสูงสุดในเดือน ต.ค. 2568 ที่ต้องจ่ายเงินต้นในวงเงินถึง 3,000 ล้านบาท ก่อนจะทยอยลดลงในเดือนต่อๆ ไป รวมทั้งต้องจ่ายดอกเบี้ย 250 ล้านบาททุกเดือนด้วย ซึ่งการชำระหนี้คาดว่าจะสิ้นสุดในอีก 4 ปีข้างหน้า หรือในปี 2571
ทั้งนี้เมื่อมาพิจารณาในส่วนของราคาน้ำมันโลกล่าสุด ณ วันที่ 6 ม.ค. 2568 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 73.23 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 73.76 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.20 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 76.30 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.21 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ขณะที่ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน ที่รายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 6 ม.ค. 2568 พบว่าค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวระดับสูง โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาด 4.35 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 3.06 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 3.14 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.74 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 6.90 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 1.65 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดระหว่าง 1-6 ม.ค. 2568 อยู่ที่ 2.11 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ 1.5-2 บาทต่อลิตร)