กองทุนน้ำมันฯ ติดลบสูงสุดของปี 2567 ถึง 1.11 แสนล้านบาท เหลือชดเชยราคาดีเซลแค่ 20 สตางค์ต่อลิตร

394
Screenshot
- Advertisment-

คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ปรับลดอัตราการชดเชยราคาดีเซลลงเหลือ 20 สตางค์ต่อลิตร เพื่อสะสมเงินใช้หนี้เงินต้นก้อนแรก 3 หมื่นล้านบาท ภายในเดือน พ.ย. 2567 นี้ ขณะที่ปัจจุบันกองทุนฯ อยู่ในสถานะเงินติดลบสูงสุดของปี 2567 อยู่ที่ -111,030 ล้านบาท ยืนเพดานราคาดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร จนถึง 31 ก.ค. 2567 ตามมติ ครม.

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานความคืบหน้าสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงพยายามลดการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลลง และจะยกเลิกการชดเชยราคาดีเซลในอนาคต  โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2567 ได้ปรับลดการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลจาก 90 สตางค์ต่อลิตร เหลือเพียง 20 สตางค์ต่อลิตร โดยราคาจำหน่ายดีเซลล่าสุด ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2567อยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร

ทั้งนี้การลดการชดเชยราคาดีเซลดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันกองทุนฯ มีฐานะการเงินติดลบสูงสุดในปี 2567 โดยติดลบรวม -111,030 ล้านบาท ซึ่งมาจากการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลถึง 63,403 ล้านบาท และการชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ถึง 47,627 ล้านบาท

- Advertisment -

ขณะเดียวกันกองทุนฯ จะต้องเร่งเก็บเงินเข้ามาให้ได้มากที่สุด เพื่อรองรับการชำระหนี้เงินต้นก้อนแรก 30,000 ล้านบาท ที่กู้มาจากสถาบันการเงิน ในเดือน พ.ย. 2567 ที่จะถึงนี้  โดยที่ผ่านมากองทุนฯ ได้กู้ยืมเงินเพื่อใช้ดูแลราคาน้ำมันและLPG รวมทั้งสิ้น 105,333 ล้านบาท ซึ่งจะต้องทยอยชำระคืนเงินต้นต่อไป

อย่างไรก็ตาม กบน.จะยกเลิกการชดเชยราคาดีเซลที่เหลืออีก 20 สตางค์ต่อลิตรได้ ก็ต่อเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลง แต่ในทางกลับกันหากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้น ทาง กบน. ก็จะไม่สามารถปรับขึ้นราคาดีเซลเกิน 33 บาทต่อลิตรได้ และอาจต้องนำเงินกองทุนฯ กลับมาชดเชยราคาอีกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติกำหนดเพดานราคาดีเซลไม่ให้จำหน่ายเกิน 33 บาทต่อลิตร (ปัจจุบันราคาดีเซล 32.94 บาทต่อลิตร) มีผลตั้งแต่ 20 มิ.ย.-31 ก.ค. 2567

สำหรับปัจจุบันกองทุนฯ ยังมีรายรับจากการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเข้ากองทุนฯ ดังนี้ เก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน95 ส่งเข้ากองทุนฯ 9.98 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เรียกเก็บ 3.40 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เรียกเก็บ 1.41 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เรียกเก็บ 0.76 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียม เรียกเก็บ 1.50 บาทต่อลิตร

ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกล่าสุด ณ วันที่ 10 มิ.ย. 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 78.87 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 5.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 75.82 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.30 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 79.96 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.34 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ในส่วนของค่าการตลาดน้ำมันที่ผู้ค้าได้รับ ในวันที่ 10 มิ.ย. 2567 ซึ่งรายงานโดย สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) พบว่าค่าการตลาดดีเซลอยู่ที่ 1.81 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มเบนซินยังสูงอยู่ที่ประมาณ 3 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดน้ำมันตั้งแต่ 1-10 มิ.ย. 2567 อยู่ที่ 2.54 บาทต่อลิตร  (จากค่าการตลาดที่ควรได้ที่ 1.50-2 บาทต่อลิตร)    

Advertisment