กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ติดลบทุบสถิติใช้เงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 96,598 ล้านบาท สูงกว่าปี 2547-2548 ที่เคยสูงสุด 92,070 ล้านบาท คาดใน 1-2 เดือนนี้ติดลบหนักแตะระดับ 1 แสนล้านบาท ด้านคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) เปิดประชุมวันที่ 20 มิ.ย. 2565 มีมติเพิ่มชดเชยดีเซลอีก เป็น 11.84 บาทต่อลิตร หลังค่าการตลาดผู้ค้าลดต่ำกว่า 1 บาทต่อลิตร ป้องกันผู้ค้าปรับราคาจำหน่ายเกิน 34.94 บาทต่อลิตร จับตาการประชุม กพช. 22 มิ.ย. 2565 หารือมาตรการดูแลดีเซลและค่าการกลั่นน้ำมัน
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center : ENC) รายงานว่า สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย ณ วันที่ 19 มิ.ย. 2565 กองทุนฯ ติดลบรวม 96,598 ล้านบาท เนื่องจากมีการนำเงินไปชดเชยราคาดีเซลจนบัญชีน้ำมันติดลบ 59,692 ล้านบาท และการชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) ทำให้บัญชี LPG ติดลบอีก 36,906 ล้านบาท โดยถือเป็นการติดลบที่สูงกว่าปี 2547-2548 ซึ่งเคยเป็นสถิติติดลบสูงสุดของประเทศถึง 92,070 ล้านบาท
ทั้งนี้กองทุนฯ มีเงินไหลออกประมาณเดือนละ 5-7 พันล้านบาทต่อเดือน ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่ 1-2 เดือนนี้ กองทุนฯ มีโอกาสติดลบสูงสุดถึง 1 แสนล้านบาท ขณะที่การกู้เงินจากสถาบันการเงินยังไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) คาดการณ์ว่า จะได้รับเงินกู้เข้ามาเสริมสภาพคล่องกองทุนฯ ประมาณเดือน เม.ย. 2565 ที่ผ่านมา แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ผ่านการอนุมัติ เนื่องจากสถาบันการเงินยังไม่มั่นใจแผนการชำระหนี้ในอนาคต
อย่างไรก็ตามในวันที่ 20 มิ.ย. 2565 กบน. ได้เปิดประชุมอีกครั้งเพื่อพิจารณาการชดเชยราคาดีเซล เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับสูงขึ้น ขณะที่ค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันดีเซลลดต่ำเหลือเพียง 0.81 บาทต่อลิตร (จากที่ควรได้ 1.5-2 บาทต่อลิตร) ส่งผลให้กองทุนฯ ต้องเพิ่มเงินอุดหนุนราคา เพื่อไม่ให้ผู้ค้าน้ำมันปรับราคาจำหน่ายเกิน 34.94 บาทต่อลิตร โดยกองทุนฯ ได้อุดหนุนราคาเพิ่มอีก 59 สตางค์ต่อลิตร รวมเป็นการอุดหนุนราคาดีเซลที่ 11.84 บาทต่อลิตร สูงขึ้นจากวันที่ 17 มิ.ย. 2565 ที่อุดหนุนอยู่ 11.25 บาทต่อลิตร
สำหรับราคาน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 20 มิ.ย. 2565 เกือบทุกค่ายยังคงจำหน่ายราคาดีเซลอยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ยกเว้นค่ายน้ำมันเชลล์ จำหน่ายที่ 36.24 บาทต่อลิตร และคาลเท็กซ์ จำหน่ายที่ 35.24 บาทต่อลิตร ส่วนราคาน้ำมันโลก ณ วันที่ 20 มิ.ย. 2565 เวลาประมาณ 15.30 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 115.34 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.36 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 108.96 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 112.12 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 0.36 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตามในวันที่ 22 มิ.ย. 2565 จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับการดูแลราคาดีเซล ในเดือน ก.ค.-ก.ย. 2565 เนื่องจากจะสิ้นสุดมาตรการปรับขึ้นราคาดีเซลแบบคนละครึ่งของเงินกองทุนฯที่ใช้อุดหนุนดีเซล ในสิ้นเดือน มิ.ย. 2565 นี้แล้ว ซึ่ง กพช. ต้องพิจารณาแนวทางสำหรับดูแลราคาดีเซลในเดือนต่อๆ ไป นอกจากนี้อาจมีการพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการระยะสั้นสำหรับการลดค่าการกลั่นน้ำมันจากผู้ประกอบการน้ำมัน เป็นต้น