กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เริ่มฟื้นตัว สถานการณ์เงินติดลบเริ่มลดลงเหลือ -78,970 ล้านบาท นับเป็นการติดลบต่ำที่สุดในรอบปี 2567 เหตุเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันทุกคนได้เดือนละกว่า 7,000 ล้านบาท แต่ยังมีภาระต้องชดเชยราคา LPG กว่า 1,300 ล้านบาทต่อเดือน และจ่ายหนี้เงินต้นคืนแบงค์อีก 278 ล้านบาท ในขณะที่ราคาน้ำมันโลกปรับตัวลงเหลือกว่า 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนค่าการตลาดยังทรงตัวระดับสูง เฉลี่ย 2.46 บาทต่อลิตร
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้รายงานสถานการณ์เงินกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 22 ธ.ค. 2567 พบว่า เงินกองทุนฯ ติดลบลดลงเหลือ -78,970 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการติดลบที่น้อยที่สุดในรอบปี 2567 โดยมาจากเงินบัญชีน้ำมันติดลบรวม -31,924 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบรวม -47,046 ล้านบาท
สำหรับเงินกองทุนน้ำมันฯ ตลอดปี 2567 เคยติดลบสูงสุดในเดือน ก.ค. อยู่ที่ -111,663 ล้านบาท และเคยติดลบต่ำสุดเมื่อเดือน ม.ค. 2567 ที่ -80,101 ล้านบาท ก่อนที่สถานการณ์เงินกองทุนฯ จะกลับมาติดลบต่ำสุดอีกครั้งในวันที่ 22 ธ.ค. 2567 ที่ -78,970 ล้านบาทดังกล่าว
โดยปัจจุบันกองทุนฯ ยังมีเงินไหลเข้าจากการเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันทุกรายส่งเข้ากองทุนฯ 234.13 ล้านบาทต่อวัน หรือ กว่า 7,000 ล้านบาทต่อเดือน และเงินไหลเข้าจากโรงกลั่น LPG อีก 60.17 ล้านบาทต่อวัน หรือ ประมาณ 1,800 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนเงินไหลออกจากการชดเชยราคา LPG อยู่ที่ -45.89 ล้านบาทต่อวัน หรือ ไหลออก 1,376 ล้านบาทต่อเดือน
อย่างไรก็ตามกองทุนฯ ยังมีภาระที่ต้องชดเชยราคา LPG เพื่อให้ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัมต่อไปจนถึง 31 มี.ค. 2568 รวมทั้งยังมีภาระที่ต้องชำระหนี้เงินต้นคืนสถาบันการเงินในเดือน ธ.ค. 2567 อีก 278 ล้านบาท
สำหรับเงินส่งเข้ากองทุนฯ ที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้เรียกเก็บจากผู้ใช้ดีเซลและผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เป็นดังนี้
ผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ส่งเข้ากองทุนฯ 10.68 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ส่งเข้าถึง 4.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ส่งเข้า 2.61 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่งเข้า 1.16 บาทต่อลิตร (ปัจจุบันยอดการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ อยู่ที่ 31.52 ล้านลิตรต่อวัน)
ส่วนผู้ใช้น้ำมันดีเซลและดีเซล B20 ต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ 1.36 บาทต่อลิตร และดีเซลเกรดพรีเมียมส่งเข้ากองทุนฯ 2.86 บาทต่อลิตร (ปัจจุบันยอดการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลรวมอยู่ที่ 66.74 ล้านลิตรต่อวัน)
สำหรับราคาน้ำมันโลกล่าสุด ณ วันที่ 26 ธ.ค. 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 72.76 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.18 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 70.22 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.12 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 73.69 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.11 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
ส่วนค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน ที่รายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 26 ธ.ค. 2567 พบว่าค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวระดับสูง โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาด 5.26 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 3.66 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 3.74 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.83 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 4.16 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 2.14 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดระหว่าง 1-26 ธ.ค. 2567 อยู่ที่ 2.46 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ 1.5-2 บาทต่อลิตร)