หลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือด้านภาษีสรรพสามิตดีเซลเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2566 กองทุนน้ำมันต้องเข้าไปอุ้มราคาดีเซลลิตรละ1.59 บาทต่อลิตร เพื่อให้ราคาขายปลีกยังอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร ในขณะที่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกเก็บค่าการตลาดสูงเกิน 3 บาทต่อลิตร เพื่อไปชดเชยค่าการตลาดดีเซลที่ลดลงเหลือ 1.50 บาทต่อลิตร
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน ( Energy NewsCenter-ENC ) รายงานว่า หลังจากที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เห็นชอบให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ประมาณ 32 บาทต่อลิตรเพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกดีเซลปรับขึ้นหลังจากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ทำให้โครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 24 ก.ค.2566 มีอัตราภาษีสรรพสามิตดีเซล กลับมาอยู่ที่ 5.99 บาทต่อลิตร จากก่อนหน้านี้ที่จัดเก็บอยู่ที่ 1.34 บาทต่อลิตร
ในขณะที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เคยจัดเก็บเงินจากน้ำมันดีเซล เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2566 ที่อัตรา 4.04 บาทต่อลิตร กลับมาติดลบ 1.59 บาทต่อลิตร ส่วนค่าการตลาดดีเซล ที่เคยอยู่ที่ระดับ1.85 บาทต่อลิตร ลดลงเหลือ 1.50 บาทต่อลิตร
ความพยายามที่จะตรึงราคาดีเซลเอาไว้ไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตร ทำให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันต้องมีการเก็บค่าการตลาดน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ สูงเกิน 3 บาทต่อลิตร ทั้งนี้เพื่อมาชดเชยค่าการตลาดดีเซลที่อยู่ในระดับต่ำ