กลุ่ม ปตท. ทุ่มงบ 1,700 ล้านบาทช่วยรัฐบาลสู้ปัญหาโควิด-19 ผ่านโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ในขณะที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว
วันนี้ (17 สิงหาคม 2564) – นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยถึงการเข้าไปช่วยดูแลผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ของกลุ่ม ปตท. ผ่าน “โครงการลมหายใจเดียวกัน” นับตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันว่า ได้ใช้งบรวมทั้งหมดประมาณ 1,700 ล้านบาท โดยการช่วยเหลือที่สำคัญ อาทิ เช่น การส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ 400 เครื่อง พร้อมออกซิเจนเหลว แก่หน่วยงานรัฐ และโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 300 แห่ง
การสนับสนุนโรงพยาบาลสนาม 7 แห่ง และสนับสนุนหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุก 4 พื้นที่ความเสี่ยงสูงในกรุงเทพมหานคร จัดหาและนำเข้ายาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) บริจาคให้ภาครัฐ พร้อมเตรียมนำเข้าต่อเนื่อง ขยายระยะเวลาช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยขายอาหารที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนเงิน 100 บาท/คน/เดือน ต่อไป อีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และล่าสุดจัดตั้งหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) ต้นแบบความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ และพันธมิตรทางการแพทย์
นายอรรถพล ยังกล่าวถึงผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2564 เปรียบเทียบกับครึ่งแรกของปี 2563 กลุ่ม ปตท. มีรายได้จากการขายจำนวน 1,011,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 186,201 ล้านบาท หรือร้อยละ 23 จากเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ทั้งจากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการและราคาของ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่ปรับตัวสูงขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวจากปีก่อน ทั้งนี้มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 216,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129,570 ล้านบาท หรือมากกว่าร้อยละ 100.0 ตามรายได้ที่ปรับเพิ่มขึ้น และธุรกิจการกลั่นที่มีกำไรสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในครึ่งแรกของปี 2564 ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น เทียบกับการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กลุ่ม ปตท. มีกำไรสุทธิในครึ่งแรกของปี 2564 จำนวน 57,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46,667 ล้านบาท หรือมากกว่าร้อยละ 100.0