กรมธุรกิจพลังงานเตรียมหารือค่ายรถยนต์ ปรับเพิ่มสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มในดีเซลสูงสุดจาก B7 เป็น B7(Plus) หวังเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มให้มากขึ้น พร้อมหารือในบอร์ดการรถไฟฯ 19 ต.ค.นี้ให้ ใช้ B10 สำหรับขบวนรถไฟเพิ่มขึ้นในเส้นทางเดินรถอื่นๆ ส่วนแนวทางที่จะให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ถือบัตรสวัสดิการซื้อน้ำมันแก๊สโซฮอล์95ราคาถูกกว่าทั่วไป 3 บาทต่อลิตร นั้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้น ต.ค.นี้ พร้อมประกาศเชิญเปิดโครงการในเดือน ธ.ค.2561
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนสายพลังงาน เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2562 ว่า กรมธุรกิจพลังงานเตรียมหารือกับค่ายรถยนต์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมศึกษาปรับสัดส่วนน้ำมันไบโอดีเซลใหม่ ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จากเดิมกำหนดให้ผสมน้ำมันปาล์มในดีเซลได้สูงสุดไม่เกิน 7% ในน้ำมันทุกลิตร (ไบโอดีเซลB7) เป็น B7(Plus) จะขยายส่วนผสมเพิ่มเป็น B7.3-7.5% โดยขึ้นอยู่กับผลการศึกษาที่จะดำเนินการให้เสร็จในเร็วๆต่อไป เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศให้มากขึ้น
นอกจากนี้ในส่วนของการส่งเสริมการใช้ไบอีดีเซล B10 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์ม 10% ในทุกลิตร)สำหรับการขนส่งทางรถไฟนั้น ในฐานะที่ตัวเขาเป็นประธานกรรมการ(บอร์ด)การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) จะหารือกับที่ประชุมบอร์ดในวันที่ 19 ต.ค. 2561 เพื่อให้เพิ่มจำนวนเส้นทางเดินรถไฟที่จะใช้น้ำมันไบโอดีเซลB10 หลังจากเปิดทดลองใช้แล้วในเส้นทางรถไฟสายบ้านแหลม-แม่กลอง จำนวน 36,000 ลิตร ในระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ ก.พ.-ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา
ส่วนการส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซลB20(น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์ม 20% ในทุกลิตร) ในรถบรรทุกและรถขนส่งสาธารณะนั้น จะมีการขยายการใช้เพิ่มขึ้น โดยบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ(ขสมก.)และบริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) เปิดตัวส่งเสริมให้เกิดการใช้ B20 ร่วมกันในวันที่ 26 ต.ค. 2561 นี้ หลังจากกระทรวงพลังงานได้เปิดโครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20ไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งมีราคาจำหน่ายในราคาถูกกว่าไบโอดีเซลทั่วไป 3 บาทต่อลิตร โดยปัจจุบันมีการใช้แล้ว 3 ล้านลิตรต่อเดือน
นายกุลิศ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการช่วยเหลือกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างถือถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์95 ในราคาถูกกว่าทั่วไป 3 บาทต่อลิตรนั้น ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงานไปตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์ใช้น้ำมันราคาถูกดังกล่าว กับกรมขนส่งทางบกและกรมบัญชีกลาง แล้ว โดยจะต้องเป็น มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องและผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เท่านั้น คาดว่าจะสามารถตรวจสอบรายชื่อแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนต.ค. 2561 นี้ จากนั้นกระทรวงพลังงานจะประกาศเชิญชวนให้เอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนงบประมาณในโครงการดังกล่าวและประกาศเปิดโครงการอย่างเป็นทางการในเดือนธ.ค. 2561 ต่อไป