กรมธุรกิจพลังงานเชิญค่ายรถยนต์หารือใช้ B7(Plus)25ต.ค.นี้

1650
- Advertisment-

กรมธุรกิจพลังงาน เชิญค่ายรถยนต์หารือ 25 ต.ค.2561 นี้เพื่อเพิ่มเพดานสัดส่วนผสมน้ำมันปาล์มในดีเซลสูงสุดจาก 7% หรือ ไบโอดีเซล B7 เป็น 7.5%หรือ ไบโอดีเซล B7(Plus) ตามนโยบาย ในขณะที่ ปตท.จัดพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 สำหรับรถโดยสาร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ด้านสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันฯ เตรียมชุมนุม 25 ต.ค.นี้ ที่จ.กระบี่ เร่งรัฐแก้ปัญหาปาล์มล้นตลาด

นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กรมธุรกิจพลังงานจะเชิญค่ายรถยนต์และผู้ที่เกี่ยวข้องมาหารือในวันที่ 25 ต.ค. 2561 นี้ โดยมีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน เพื่อหารือเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มในน้ำมันดีเซลสูงสุดขึ้นเป็น 7-7.5% จากปัจจุบันกรมธุรกิจพลังงานประกาศให้ผสมสูงสุดได้แค่ 7% (ไบโอดีเซลB7 หรือ น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์ม7% ในดีเซลทุกลิตร) โดยหากเพิ่มสัดส่วนเป็น 7-7.5% จะเรียกเป็น B7(Plus)

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากรมฯ ได้ทดลองการใช้ไบโอดีเซลB10(น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์ม 10% ในทุกลิตร) ในเครื่องยนต์ดีเซลกับรถยนต์หลายค่ายและพบว่าสามารถใช้ได้ แต่ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ยังไม่ยอมรับ ดังนั้นกรมฯจึงประกาศใช้ได้แค่B7 ทั้งนี้เชื่อว่าการเพิ่มเป็นB7(Plus)จะไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์ แต่ต้องรอให้ค่ายรถยนต์พิจารณาสเปคของรถยนต์ในแต่ละรุ่นว่าจะสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ โดยการจะประกาศเกณฑ์สูงสุดเป็น B7(Plus)ได้ นั้น จะต้องรอให้กระทรวงพาณิชย์ร้องขอให้กระทรวงพลังงานเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์ม เพื่อแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มล้นตลาด กรมธุรกิจพลังงานจึงจะประกาศสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มตามช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลB20(น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์ม20%ในทุกลิตร)นั้น ปัจจุบันมียอดการใช้เพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านลิตรต่อเดือน เป็น 3.5 ล้านลิตรต่อเดือน ซึ่งราคาจำหน่ายจะถูกกว่าดีเซลทั่วไป 3 บาทต่อลิตร และในวันที่ 26 ต.ค. 2561 นี้ กระทรวงพลังงานและ ปตท. จะจัดพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 สำหรับรถโดยสาร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ร่วมกับกระทรวงคมนาคม ที่ศูนย์การค้าเมกาบางนา

- Advertisment -

ด้าน นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันที่ 25 ต.ค. 2561 นี้ ทางสมาพันธ์ฯ จะนัดหารือกับสมาชิกชาวสวนปาล์มที่จ.กระบี่ เพื่อติดตามผลการประชุมคณะอนุกรรมการน้ำมันปาล์ม ก่อนกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหว และนัดแถลงข่าวในวันที่ 26ต.ค. 2561นี้ ที่จ.ตรัง ต่อไป
ทั้งนี้เห็นว่าภาครัฐควรเร่งเข้ามาดูแลการดูดซับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อแก้ปัญหาผลผลิตปาล์มล้นตลาดจนทำให้ราคาปาล์มสดลดลงมาอยู่ที่ราว 2.50 – 3 บาทต่อกิโลกรัม โดยมองว่าแนวทางที่รัฐเตรียมแก้ปัญหาด้วยการจะส่งเสริมให้ผู้ค้าน้ำมันเพิ่มสัดส่วนผสมน้ำมันปาล์มจาก B7 เป็น B7(Plus) เพื่อดูดซับน้ำมันปาล์มนั้น น่าจะช่วยได้ไม่มากนัก ดังนั้น ภาครัฐควรเน้นส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล B10 และไบโอดีเซล20 ให้มากขึ้น น่าจะช่วยดูดซับสต๊อกน้ำมันปาล์มได้มากกว่า

“ที่ผ่านมา เกษตรกรยังไม่เห็นความพยายามแก้ไขปัญหาที่จริงจังของภาครัฐ และการบริหารจัดการสต๊อกปาล์มยังไม่มีประสิทธิภาพพอ ซึ่งแนวทางหนึ่งนั้นควรส่งเสริมการใช้B10 ในรถยนต์ทั่วไป และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาต่อรถยนต์ โดยกระทรวงพลังงานควรหารือกับผู้ค้าน้ำมัน และผู้ผลิตน้ำมัน B100 (น้ำมันปาล์มบริสุทธ์ 100%) ที่ปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาไปมากแล้ว ทำให้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์มากขึ้น ไม่น่าจะก่อผลเสียต่อเครื่องยนต์” นายมนัส กล่าว

 

Advertisment