กฟผ. เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันปาล์มดิบที่โรงไฟฟ้าบางปะกงตามแผน หลังมีผู้เสนอขายน้ำมันปาล์มดิบแล้ว 32 ราย โดยจะรับซื้อให้ครบตามเป้าหมาย 160,000 ตัน พร้อมยืนยันการพิจารณาคัดเลือกผู้เสนอขายน้ำมันปาล์มดิบเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะโฆษก กฟผ. เปิดเผยถึงการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันปาล์มดิบร่วมกับก๊าซธรรมชาติที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเริ่มจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ขณะนี้เป็นไปตามแผน สามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องและจะดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบตามเป้าหมายที่ 160,000 ตัน จากปัจจุบันรับซื้อแล้ว 9,000 ตัน
โดยกรมการค้าภายใน เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขการจัดหาผู้เสนอขายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ. ซึ่งระบุว่าจะต้องมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 50% ของปริมาณที่เสนอจำหน่าย และเป็นผู้มีความสามารถในการขนส่ง เก็บรักษา และส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบให้กับ กฟผ. ยืนยันดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ด้วยความโปร่งใส
ทั้งนี้ กฟผ. ให้ความสำคัญกับการรับซื้อ โดยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้ร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน พลังงานจังหวัด และพาณิชย์จังหวัด ในพื้นที่ จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ติดตามการซื้อขายผลทะลายปาล์มตามลานเทต่างๆ ในพื้นที่ จ.ชุมพร เช่น ลานเทขวัญจิตร ลานเทหนองเนียน ปาล์มทอง และ จ.สุราษฎร์ธานี ได้แก่ ลานเทเสวียด พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่รับทราบและมีความเข้าใจในการรับซื้อปาล์มน้ำมันเพื่อนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นอย่างดี โดยเกษตรกรจะเตรียมสมุดทะเบียนเกษตรกร (เล่มเขียว) หรือใช้ใบรายงานผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรมาด้วยทุกครั้งที่มาขายผลปาล์ม และนิยมขายผลปาล์มกับโรงงานสกัดที่เป็นผู้เสนอขายให้กับ กฟผ. โดยตรง เนื่องจากจะได้ราคาสูงกว่าการขายให้ลานเท แต่หากมีระยะทางไกลและผลปาล์มไม่มากจึงจะขายผลปาล์มให้กับลานเท
ด้านบริษัท เจริญน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันปาล์มเจ้าแรกที่ กฟผ. รับซื้อนั้น ได้ดำเนินการตามขั้นตอนหลังจากการรับซื้อผลปาล์มตามเงื่อนไข โดยบริษัทจะรายงานและส่งเอกสารให้พาณิชย์จังหวัด ได้แก่ บันทึกการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร สมุดทะเบียนเกษตรกร (เล่มเขียว) ใบชั่งน้ำหนัก (ซื้อขาย) สำเนาบัตรประชาชน เพื่อใช้เป็นหลักฐาน