กฟผ.-มิตซูบิชิฯ ลงนามความร่วมมือ​ศึกษาการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดและการกักเก็บคาร์บอน​

349
- Advertisment-

กฟผ. – มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี (ประเทศไทย) ร่วมลงนาม MOU แลกเปลี่ยนและศึกษา Clean Energy Development และเทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอน Carbon Capture Utilization and Storage (CCUS) มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050

นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน กฟผ. กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง กฟผ. และ MHI เป็นการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับพลังงานสะอาด ทั้งในด้านเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization, and Storage) เทคโนโลยีการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน รวมถึงการใช้เชื้อเพลิงแอมโมเนีย สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงทางเลือกผลิตไฟฟ้า ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050

ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยให้ กฟผ. ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสะอาดได้มากขึ้น พร้อมนำมาใช้กับโรงไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่กับการสร้างความมั่นคงทางพลังงานอย่างยั่งยืน

- Advertisment -

ด้านนายเรียว ทาคุโบะ ประธานและกรรมการผู้จัดการ MHI กล่าวว่า พร้อมสนับสนุนการศึกษาข้อมูลเทคโนโลยีกังหันก๊าซ ซึ่งใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและแอมโมเนีย และเทคโนโลยี CCUS ที่มีส่วนสำคัญในการลดการปล่อยมลพิษ เพื่อเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เชิงลึก ร่วมกับ กฟผ. ขยายโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน ตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้าลดการปล่อยคาร์บอนในประเทศไทย

ทั้งนี้ กฟผ. และกลุ่มบริษัท MHI ได้ร่วมมือพัฒนาพลังงานในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน นับตั้งแต่การสร้างเขื่อนสิริกิติ์ในปี 2511 นำไปสู่การพัฒนาโรงไฟฟ้าที่สำคัญของประเทศ ทั้งโรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าน้ำพอง และโรงไฟฟ้าวังน้อย และในปี 2552 ได้ร่วมกับกลุ่มบริษัท กฟผ. จัดตั้ง EGAT Diamond Service (EDS) ให้บริการงานด้านวิศวกรรมกังหันก๊าซแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ สำหรับความร่วมมือระหว่าง กฟผ. และ MHI ในครั้งนี้ มีกำหนดระยะเวลา 3 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึงร้อยละ 40 ภายในปี ค.ศ. 2030 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065

Advertisment