กฟผ. จบงานซื้อน้ำมันปาล์มผลิตไฟฟ้า จากผู้จำหน่ายน้ำมัน ปาล์มดิบ ทั้ง 31 ราย ครบตามจำนวน 160,000 ตันแล้ว โดยคาดว่าการจัดส่งน้ำมันปาล์มที่เหลือ 66,000 ตัน จากคลังสุราษฎ์ธานีมาที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จะดำเนินการได้หมดภายในต้นเดือนมิถุนายนนี้ อย่างไรก็ตามผลจากมาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถช่วยยกระดับราคาผลผลิตปาล์มของเกษตรกรในภาพรวมให้สูงกว่า3บาทต่อกิโลกรัมตามเป้าหมายได้ โดยราคาผลปาล์มดิบทั้งทะลายยังอยู่ที่ระดับ2.09 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ ต้องแบกรับต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าปกติ เป็นวงเงิน รวมประมาณ1,354 ล้านบาท
วันนี้ (22 เมษายน 2562) ทั้งนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เป็นประธาน การ แถลงข่าวความคืบหน้าการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าตามนโยบายรัฐบาล โดยมี นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. และนายธวัชชัย จักรไพศาล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง กฟผ. ร่วมแถลง ณ ห้องประชุม 201 อาคาร ท.100 สำนักงานใหญ่ กฟผ. อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
โดยนายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า จากมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์ม ในประเทศของรัฐบาล ที่กระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้ กฟผ. ดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 160,000 ตัน เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง และมติคณะกรรมการกำกับนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2562 มอบหมายให้ กฟผ. เพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าจากเดิม 1,000 ตันต่อวัน เป็น 1,500 ตันต่อวัน และให้ กฟผ. จัดหาสถานที่รับมอบน้ำมันปาล์มดิบที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเร่งดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบออกจากระบบและช่วยกระตุ้นราคาผลปาล์มน้ำมันของเกษตรกรให้มีราคาสูงขึ้น นั้น ขณะนี้ กฟผ. ได้รับมอบน้ำมันปาล์มดิบจากผู้จำหน่ายน้ำมัน ปาล์มดิบทั้งสิ้น 31 ราย ครบตามจำนวน 160,000 ตันแล้ว โดยได้ดำเนินการรับมอบน้ำมันปาล์มดิบเที่ยวสุดท้าย จำนวน 66,000 ตัน เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2562 ณ คลังน้ำมันปาล์มดิบ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งคาดว่าจะจัดส่งจากคลังสุราษฎ์ธานีเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงได้หมดภายในต้นเดือนมิถุนายน
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน(Energy News Center-ENC ) รายงานว่า จากการตรวจสอบราคาผลปาล์มน้ำมันทั้งทะลาย ที่รับซื้อจากเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ทางเว็บไซต์ www.kasetprice.com ณ วันที่ 19เม.ย. 2562 พบว่ายังอยู่ที่ระดับ 2.09บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า มาตรการนำน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตไฟฟ้า และช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มออกจากตลาดอย่างรวดเร็ว ที่กระทรวงพลังงานหวังว่าจะช่วยยกระดับราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันในภาพรวมให้สูงกว่า 3บาทต่อกิโลกรัม นั้นไม่ได้ผล
โดยมาตรการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์เฉพาะเกษตรกรที่สามารถจำหน่ายผลผลิตภายใต้โครงการนี้เท่านั้น ที่จะได้ขายราคาผลปาล์มดิบได้ที่กิโลกรัมละ 3.24 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาด
นอกจากนี้ มาตรการการนำน้ำมันปาล์มดิบไปเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง ในปริมาณ 160,000ตัน ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ความเห็นชอบนั้น ทางกฟผ. ประเมินเบื้องต้นก่อนหน้านี้ว่าจะต้องใช้วงเงินประมาณ 2,880 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าแพงกว่าปกติเป็นเงิน 1,354 ล้านบาท โดยภาระดังกล่าว รัฐบาลจะใช้งบประมาณกลาง ที่เป็นงบส่งเสริมการส่งออกปาล์มน้ำมัน จำนวน525 ล้านบาท ชดเชยเงินให้กับ กฟผ. ส่วนที่เหลืออีก 829 ล้านบาท ทาง กฟผ.จะไปทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อให้ใช้ในรูปแบบรายจ่ายเพื่อสังคมของ กฟผ. มารับภาระแทน
อย่างไรก็ตามนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงาน กำลังประสานงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณาว่าจะจัดการสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) สำหรับใช้ในภาคพลังงานเพิ่มอีก 1 แสนตันหรือไม่ หลังจากนำมาใช้ในโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) 1.6 แสนตัน และใช้ทำน้ำมันไบโอดีเซล B20(น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 20%ในทุกลิตร)แล้ว
โดยจะพิจารณากรณีการซื้อน้ำมันปาล์มดิบปริมาณมากในครั้งเดียวว่าจะช่วยดึงให้ราคาผลปาล์มทลายปรับขึ้นได้หรือไม่ ซึ่งหากเป็นไปได้จะรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบมาเก็บสต๊อกไว้ สำหรับนำไปใช้ผลิตไฟฟ้า หรือ นำมาผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซลB100(น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 100%) เพื่อส่งออก โดยคาดว่าจะทราบแนวทางที่ชัดเจนใน 2-3 วันจากนี้