คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มอีก 47 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ผู้ใช้ดีเซลต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนฯ รวม 1.02 บาทต่อลิตร หลังราคาน้ำมันโลกปรับลดลง ส่งผลค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันเฉลี่ยเหลือ 2.43 บาทต่อลิตร และเป็นผลให้เงินกองทุนฯ ติดลบน้อยลงอย่างต่อเนื่องเหลือ -69,333 ล้านบาท ส่วนหนี้เงินกู้แบงค์ยังเหลืออยู่ 104,083 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันรายสัปดาห์ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2568 มีมติเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซลทุกชนิดส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีก 47 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ผู้ใช้น้ำมันดีเซลต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ 1.02 บาทต่อลิตร และผู้ใช้ดีเซลเกรดพรีเมียมต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ 2.05 บาทต่อลิตร
ส่วนกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ ตามเดิม ได้แก่ ผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ส่งเข้ากองทุนฯ 10.68 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ส่งเข้าถึง 4.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ส่งเข้า 2.61 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่งเข้า 1.16 บาทต่อลิตร
สาเหตุที่ กบน. ต้องเร่งเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ในขณะนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับตัวลดลง และป้องกันค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันสูงเกินไป นอกจากนี้กองทุนฯ ยังต้องการรายรับที่เพิ่มขึ้นเพื่อเสริมสภาพคล่อง และชำระหนี้เงินกู้สถาบันการเงินที่กู้มาทั้งสิ้น 105,333 ล้านบาท ในปี 2565-2566 ซึ่งปัจจุบันเหลือหนี้อยู่ประมาณ 104,083 ล้านบาท
โดยล่าสุดสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้ประกาศสถานะเงินกองทุนฯ ล่าสุด ณ วันที่ 16 ก.พ. 2568 พบว่า เงินกองทุนฯ ติดลบลดลงอย่างต่อเนื่อง เหลือ -69,333 ล้านบาท (จากปี 2567 ที่ติดลบระดับแสนล้านบาท) ทั้งนี้เกิดจากการหยุดชดเชยราคาดีเซล ทำให้ภาระที่เคยต้องชดเชยราคาดีเซลในอดีตลดลง โดยบัญชีน้ำมันติดลบเหลือเพียง -22,933 ล้านบาท ขณะที่บัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ยังคงติดลบใกล้เคียงปี 2567 เหลือ -46,400 ล้านบาท
โดยในส่วนของค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน ที่รายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 19 ก.พ. 2568 เปลี่ยนแปลงดังนี้ ค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวระดับสูง โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาด 3.79 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 2.69 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 2.77 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.44 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 6.78 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 1.89 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดระหว่าง 1-19 ก.พ. 2568 อยู่ที่ 2.43 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ 1.5-2 บาทต่อลิตร)
ส่งผลให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.35 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮฮล์ 91 อยู่ที่ 34.98 บาทต่อลิตร ขณะที่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 33.14 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 32.09 บาทต่อลิตร ขณะที่ราคาดีเซลอยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกล่าสุด ณ วันที่ 19 ก.พ. 2568 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 77.64 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาลดลง 0.04 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 72.33 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.48 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 76.34 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.50 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล