คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2565 มีมติปรับลดการชดเชยราคาดีเซลลงเหลือ 1.19 บาทต่อลิตร หลังราคาน้ำมันโลกลดลง หวัง 5 ส.ค. 2565 ยกเลิกการชดเชยราคาดีเซลได้สำเร็จ พร้อมเผย ปตท. ทำหนังสือถึง กบน. พร้อมแล้วส่งเงินก้อนแรก 1,000 ล้านบาทเข้ากองทุนน้ำมันฯ คาดเงินเข้าจริงภายในเดือน ส.ค. 2565 นี้ เพื่อใช้ดูแลราคา LPG ขณะที่เงินกู้ 2 หมื่นล้านบาท รอลุ้นผลสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) รายงานว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ในวันที่ 3 ส.ค. 2565 ได้มีมติปรับลดเงินชดเชยราคาน้ำมันดีเซลลงจาก 2.36 บาทต่อลิตร เหลือ 1.19 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับลดลง จากความกังวลด้านเศรษฐกิจโลกถดถอย ส่งผลให้ภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงโดยรวมลดลง จากเดิมเงินไหลออกกว่า 100 ล้านบาทต่อวัน เหลือเพียง 72.91 ล้านบาทต่อวัน หรือ 2,260 ล้านบาทต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม กบน. ยังคงให้ตรึงราคาจำหน่ายดีเซลสัปดาห์นี้ไว้เท่าเดิมที่ 34.94 บาทต่อลิตร ส่วนสัปดาห์หน้าจะกลับมาพิจารณาราคาดีเซลอีกครั้ง โดยหากราคาน้ำมันตลาดโลกยังปรับลดลงต่อเนื่อง มีโอกาสที่วันที่ 5 ส.ค. 2565 กองทุนฯ จะปลดภาระการชดเชยดีเซลให้หมดไป หรือ ไม่ต้องชดเชยราคาดีเซลอีก
ส่วนความคืบหน้าเงินบริจาค 3,000 ล้านบาท ที่บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) จะมอบให้กองทุนน้ำมันฯ นั้น ขณะนี้ ปตท.ได้มีหนังสือการบริจาคเงินถึง กบน. เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาด้านเอกสารข้อมูลให้รอบคอบ โดยคาดว่ากองทุนฯจะได้รับเงินก้อนแรก 1,000 ล้านบาท ภายในเดือน ส.ค. 2565 นี้ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดที่ ปตท.จะมอบให้เดือนละ 1,000 ล้านบาท เป็นเวลา 3 เดือน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะนำมาใช้ดูแลราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) เป็นหลัก เนื่องจากเงินดังกล่าวมาจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ
สำหรับเงินกู้จากสถาบันการเงิน 20,000 ล้านบาทนั้น ควรต้องรู้ผลภายในสัปดาห์หน้าว่าธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารออมสินจะเป็นผู้ปล่อยกู้ และคิดดอกเบี้ยอย่างไร หากยังไม่สรุปผล ทางสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) จะต้องทำหนังสือถึงสถาบันการเงินให้เร่งพิจารณา เนื่องจากกองทุนฯ ยังขาดสภาพคล่องอยู่ แม้ราคาน้ำมันจะเริ่มลดลง เนื่องจากที่ผ่านมาได้ชดเชยราคาดีเซลและ LPG มาจนติดลบกว่าแสนล้านบาทแล้ว
โดยเงินกู้ดังกล่าว ทาง กบน.จะพิจารณานำมาใช้เพื่อดูแลราคาดีเซลและกลุ่มเบนซินเป็นหลัก ส่วนเงินบริจาค ปตท.จะใช้ดูแลราคา LPG ซึ่งเงินทั้งสองส่วนจะช่วยให้ กองทุนน้ำมันมีสภาพคล่องมากขึ้น
สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 31 ก.ค. 2565 กองทุนฯติดลบรวม 116,277 ล้านบาท เกิดจากการใช้ชดเชยราคาดีเซลรวม 76,480 ล้านบาท และชดเชยราคา LPG รวม 39,797 ล้านบาท โดยปัจจุบันกองทุนฯ มีเงินไหลออกจากการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลและ LPG อยู่ที่ 72.91 ล้านบาทต่อวัน และยังต้องชำระหนี้ประจำเดือนอีกส่วนหนึ่ง ส่วนเงินไหลเข้าจากการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน และดีเซลเกรดพรีเมียม และ LPG บางส่วนอยู่ที่ 76.25 ล้านบาทต่อวัน
ส่วนราคาน้ำมันตลาดโลก ณ วันที่ 3 ส.ค. 2565 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 103.12 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.33 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 93.62 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 99.69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 0.85 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
สำหรับค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมัน ซึ่งรายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ณ วันที่ 3 ส.ค. 2565 พบว่า ค่าการตลาดเฉลี่ยระหว่างวันที่ 1-3 ส.ค. 2565 อยู่ที่ 2.04 บาทต่อลิตร ขณะที่ค่าการตลาดจริงของผู้ค้าน้ำมัน กลุ่มดีเซล ณ วันที่ 3 ส.ค. 2565 อยู่ที่ 2.57 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อ 21 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมาขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันดูแลค่าการตลาดให้อยู่ที่ระดับ 1.40 บาทต่อลิตร ส่วนค่าการตลาดกลุ่มน้ำมันเบนซินก็สูงถึง 3-4 บาทต่อลิตร ดังนั้นหากราคาน้ำมันโลกลดลงในเร็วๆนี้ อาจมีการปรับลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลงเพื่อให้ค่าการตลาดอยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนดีเซลอาจคงราคาเดิมที่ 34.94 บาทต่อลิตร เพื่อให้ภาระการชดเชยราคาดีเซลลดลงแทน