กบน.เรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนน้ำมัน 1.15 บาทต่อลิตร

506
- Advertisment-

คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เริ่มทยอยเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลอีก 1.15 บาทต่อลิตร คืนกองทุนน้ำมัน หลังราคาน้ำมันโลกลดลง เตรียมพร้อมรองรับการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตดีเซล 5 บาทต่อลิตร หลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือในวันที่ 20 พ.ย. 2565 คาดฤดูหนาว 4 เดือนนี้ ราคาน้ำมันโลกขยับขึ้น ต้องใช้เงินดูแลดีเซล 2-3 หมื่นล้านบาท หวังเงินกู้เข้ากองทุนฯ ธ.ค. 2565 นี้  โดย สรุปผล 1 ปีใช้เงินชดเชยดีเซล 111,540 ล้านบาท และชดเชย LPG 25,111 ล้านบาท ปัจจุบันกองทุนฯ ติดลบกว่า 1.24 แสนล้านบาท

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2565 มีมติให้เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันดีเซลเข้ากองทุนฯ 1.15 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับลดลง (เป็นครั้งที่ 3 ในปี 2565 ที่เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ) โดยจะช่วยให้กองทุนฯ เริ่มมีเงินไหลเข้า 71.10 ล้านบาทต่อวัน

ทั้งนี้เพื่อเตรียมรองรับกรณีหมดอายุมาตรการลดภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตรของกระทรวงการคลัง ในวันที่ 20 พ.ย. 2565 นี้ โดยหากกระทรวงการคลังไม่ต่ออายุลดภาษีดีเซลอีก จะส่งผลให้ราคาดีเซลต้องขยับขึ้นถึง 5 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันราคาดีเซลอยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ดังนั้นการที่กองทุนฯ เรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซล จะสามารถนำมาบริหารจัดการไม่ให้ราคาดีเซลขยับขึ้นถึง 5 บาทต่อลิตรได้

- Advertisment -

สำหรับผลการดำเนินงานของ สกนช. ตลอด 1 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2564-ก.ย. 2565 โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยราคาดีเซลรวม 111,540 ล้านบาท ส่วนชดเชย LPG รวม 25,111 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนฯ เข้าสู่ภาวะติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ณ วันที่ 18 ก.ย. 2565 ซึ่งติดลบถึง 125,348 ล้านบาท )  โดยสถานะกองทุนฯ ล่าสุด ณ วันที่ 25 ก.ย. 2565 ติดลบรวม 124,216 ล้านบาท โดยมาจากบัญชีน้ำมันติดลบ 82,674 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 42,542 ล้านบาท   

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สกนช. กล่าวว่า สกนช. เตรียมนำเสนอแนวทางการเก็บภาษีน้ำมันหลังหมดมาตรการลดภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตร ให้กระทรวงการคลังพิจารณา โดยแนวทางหนึ่งที่จะนำเสนอคือ ถ้ากระทรวงการคลังกลับมาเก็บภาษี 5 บาทต่อลิตร กองทุนฯจะเข้าไปชดเชยราคา ตามจำนวนเงินที่กองทุนเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซล เช่น ปัจจุบันเรียกเก็บอยู่ 1.15 บาทต่อลิตร ก็จะพิจารณานำไปชดเชย 1 บาทต่อลิตรและอีก 15 สตางค์ต่อลิตรจะเก็บเข้ากองทุนฯ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาดีเซลขยับขึ้นแค่ 4 บาทต่อลิตร แทนที่จะขึ้น 5 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตามหากกองทุนเก็บเงินได้มากกว่า 1.15 บาทต่อลิตรก็จะช่วยพยุงราคาดีเซลได้มากขึ้น

นอกจากนี้ สกนช. เตรียมพร้อมรองรับทิศทางราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว 4 เดือนตามฤดูกาล (พ.ย.-ธ.ค.-ม.ค.-ก.พ.) ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงินกองทุนฯไปชดเชยราคาดีเซลประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าในเดือน ธ.ค. 2565 นี้ จะสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ ส่วนวงเงินกู้จะพิจารณาตามสถานการณ์การใช้เงินในช่วงนั้นๆ ภายใต้กรอบวงเงินที่กู้ได้สูงสุดที่  30,000 ล้านบาท

ส่วนมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2565 ที่ให้กลับมาจำหน่ายน้ำมันดีเซลเป็น 3 เกรดเช่นเดิม ได้แก่ ดีเซล B7 , B10 และ B20 จากเดิมที่กำหนดให้จำหน่ายเพียงเกรด B5 เท่านั้น (หรือเป็นการเพิ่มสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์(B100) จาก 5% ในทุกลิตร (B5) เป็น 7% หรือ B7 ในทุกลิตร) มีผล ตั้งแต่ 10 ต.ค.-31 ธ.ค. 2565 ซึ่งจากการพิจารณาพบว่าจะทำให้ต้นทุนราคาดีเซลที่แท้จริง(ไม่รวมภาษี)ขยับขึ้นเพียง 10 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น       

Advertisment