คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา อนุมัติแผนเลื่อนปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะหน่วยที่ 8-11 ไปถึง ปี 68 ตามที่ กฟผ.เสนอ ระบุช่วยลดภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าให้ประชาชนเมื่อเทียบราคาSpot LNG ได้กว่า 3.7 หมื่นล้าน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม
คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ( กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบแผนการเลื่อนปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ซึ่งใช้ถ่านหินลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิงตามที่ทาง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำเสนอ โดย โรงไฟฟ้าแม่เมาะ หน่วยที่ 8 กำลังการผลิต 270 เมกะวัตต์ ที่เคยอนุมัติให้เลื่อนปลดระวาง จากวันที่ 1 ม.ค.65 เป็น 31 ธ.ค. 65 ก็ให้เลื่อนไปเป็น 31 ธ.ค. 68
และโรงไฟฟ้าแม่เมาะหน่วยที่ 9 -11 ที่จะปลดระวางในปี 67 ก็ให้เลื่อนออกไปเป็นปี 68
ส่วนโรงไฟฟ้าแม่เมาะชุดที่ 12และ13 นั้นจะปลดระวางในปี 2568 อยู่แล้ว ซึ่งหลังจากนี้ในปี 69 จะมีโรงไฟฟ้าใหม่ มาทดแทนแม่เมาะหน่วยที่ 8-9 กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนพร้อมระบบสายส่ง 47,470 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไปเมื่อ 24 พ.ค.65 ที่ผ่านมา
แหล่งข่าวกล่าวว่า การที่ กบง.อนุมัติแผนเลื่อนปลดระวางโรงไฟฟ้าแม่เมาะของ กฟผ. ทั้ง 4 โรง ( 8,9,10,11) เนื่องจากเห็นข้อมูลตัวเลขว่าจะสามารถช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 37,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคา Spot LNG นำเข้าที่ยังมีราคาแพง ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้ผู้บริโภคได้
โดยมติ กบง.ดังกล่าว จะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ให้ความเห็นชอบในวันที่ 22 มิ.ย. นี้