กบง.มีมติลดส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันและขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันลดค่าการตลาด ส่งผลในราคาน้ำมันขายปลีกทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลปรับลดลง1บาทต่อลิตรมีผลตั้งแต่25ธ.ค.2561 ก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ ในขณะที่มาตรการช่วยเหลือวินมอเตอร์ไซค์ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ใช้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าปกติ3บาทต่อลิตรยังต้องชะลอการดำเนินการไปก่อนเพราะเป็นช่วงน้ำมันขาลง
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกกลุ่มเบนซิน แก๊สโซฮอล์และดีเซลลง 1 บาทต่อลิตร มีผล 25 ธ.ค. 2561 เพื่อลดภาระการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยส่วนลดดังกล่าวมาจากมาตรการลดเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน แก๊สโซฮอล์และดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง 50 สตางค์ต่อลิตร และขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันปรับลดค่าการตลาดลง จากปัจจุบันมีค่าการตลาดอยู่ 2.60-2.70 บาทต่อลิตร ให้เหลือประมาณ 2 บาทต่อลิตร
สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันฯ ปัจจุบันเหลือเงินอยู่ 29,000 ล้านบาท และมีเงินไหลเข้า 2,500 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งภายในเดือนเม.ย. 2562 จะทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีเงินสะสมถึงเป้าหมายที่ 40,000 ล้านบาท หลังจากนั้น กบง.จะพิจารณาว่าอาจจะไม่เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่ม เพราะจำนวนเงินดังกล่าวเพียงพอต่อการดูแลราคาพลังงานแล้ว
ด้าน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวด้วยว่า สำหรับราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลง ทำให้ยังไม่มีความจำเป็นในการช่วยเหลือกลุ่มจักรยานยนต์รับจ้างหรือวินมอเตอร์ไซค์ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ถูกกว่าปกติ 3บาทต่อลิตร โดยกระทรวงพลังงานได้แจ้งให้กระทรวงการคลังถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแล้ว
ทั้งนี้การช่วยเหลือกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างดังกล่าวจึงเป็นการเตรียมการเอาไว้สำหรับอนาคต ที่เป็นช่วงน้ำมันขาขึ้น
ผู้สิ่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน(Energy News Center-ENC ) รายงานว่า ผลจากมติกบง.ดังกล่าว ทางผู้ค้าน้ำมัน ทั้งPTTOR และบางจาก ได้ประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดลดลง 1.00 บาทต่อลิตร มีผล 25 ธ.ค. 2561 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ ULG = 33.56, GSH95 = 26.15, E20 = 23.14, GSH91 = 25.88, E85 = 18.94, ดีเซล = 25.29, ดีเซลพรีเมี่ยม = 28.89 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร