กกพ. ไฟเขียว ‘มิตรผล อำนาจเจริญ’ สร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลต้นแบบ

2086
- Advertisment-

สำนักงาน กกพ. ออกใบอนุญาตโรงไฟฟ้าชีวมวลให้ มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ) หลังใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงเกือบ 3 เดือน พร้อมเพิ่มมาตรการกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อมไว้ในท้ายใบอนุญาต มั่นใจจะจัดการข้อร้องเรียนและลดข้อวิตกกังวลของชุมชนรอบโรงไฟฟ้าได้ครบถ้วน ด้านกลุ่มมิตรผล ยืนยันเดินหน้าโครงการต้นแบบที่อำนาจเจริญ

น.ส.นฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เผยว่า กกพ. มีมติเห็นชอบการออกใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานให้แก่ บริษัท มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ) จำกัด ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 32,500 กิโลโวลต์แอมแปร์ (kVA) หรือ 26 เมกะวัตต์ (MW) ผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงชีวมวล (กากอ้อย ใบอ้อย และชิ้นไม้สับ) ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.น้ำปลีก อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ พร้อมกำหนดมาตรการกำกับดูแลเพิ่มเติม นอกเหนือจากมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามรายงาน EIA

ดังนั้น เพื่อให้ครอบคลุมข้อร้องเรียนและประเด็นผลกระทบโดยระบุไว้ในเงื่อนไขเฉพาะในท้ายใบอนุญาต กกพ.ยังได้รับทราบมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และข้อวิตกกังวลของประชาชนเพิ่มเติมตามที่ตัวแทนกลุ่มบริษัทมิตรผลได้แสดงเจตจำนงว่าจะจัดทำมาตรการดังกล่าว เพื่อเป็นโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลต้นแบบ ซึ่งหากพบว่าผู้ประกอบการฝ่าฝืนและเกิดมลพิษที่ส่งผลกระทบสูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดให้หยุดการผลิตได้ทันที

- Advertisment -

ทั้งนี้ การประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2561 กกพ. ได้มีมติชะลอการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า ระบบจำหน่ายไฟฟ้า  การอนุญาตก่อสร้างอาคาร และการอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าของบริษัท มิตรผล ไบโอ-เพาเวอร์ (อำนาจเจริญ) เพื่อให้ กกพ. ได้รับฟังข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปประเด็นปัญหาข้อร้องเรียน ข้อกังวลใจ และแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562 นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธาน กกพ. ยังได้ลงพื้นที่และประชุมร่วมกับ นายนิกร สุกใส ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร และกลุ่มผู้คัดค้านโครงการ อาทิ กลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบายและกลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำเซบาย ซึ่งมีข้อสรุปที่นำมาใช้กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามรายงาน EIA โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทฯ เพื่อนำมาใช้ตั้งแต่ช่วงก่อนก่อสร้างและตลอดช่วงก่อสร้าง ตลอดจนถึงช่วงการดำเนินการ

สำหรับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้า น.ส.นฤภัทร กล่าวว่า กกพ.ได้มีมติเพิ่มเงื่อนไขเฉพาะในการประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า เป็น 9 ข้อ มีสาระสำคัญ ดังนี้

  1. ต้องปฏิบัติตามรายงาน EIA “โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ต.น้ำปลีก อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ” ฉบับล่าสุด หรือฉบับที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมที่ได้รับความเห็นชอบโดยเคร่งครัด
  2. ต้องนำส่งรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตลอดจนปัญหา ข้อจำกัด และข้อเสนอแนะต่อสำนักงาน กกพ. ทุก 6 เดือน
  3. ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดส่งเอกสารดังต่อไปนี้ ก่อนแจ้งเริ่มประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า

(1) ผลการทดสอบสมรรถนะและประสิทธิภาพเครื่องจักรอุปกรณ์สำคัญที่ได้รับรองอย่างเป็นทางการจากผู้ผลิต

(2) ผลการทดสอบสมรรถนะและประสิทธิภาพของระบบผลิตไฟฟ้า ซึ่งรวมถึง Heat Balance, Mass Balance, Water Balance และปริมาณมลพิษทางอากาศที่ระบายจากปล่อง ซึ่งได้รับรองอย่างเป็นทางการหลังจากการทดลองเดินเครื่องและทดสอบระบบ

  1. หากจะเปลี่ยนแปลงชนิดของเชื้อเพลิงหรือรายละเอียดโครงการจากที่เสนอไว้ จะต้องเสนอรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงให้คณะกรรมการให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ
  2. ให้นำส่งรายงานสมดุลของการผลิต ซื้อ ใช้ และ/หรือจำหน่ายไฟฟ้าประจำวันของสถานประกอบกิจการ โดยแสดงรายละเอียดเป็นรายชั่วโมง และผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามรอบการตรวจติดตามที่กำหนดในรายงาน EIA ทุกเดือน นับแต่วันที่เริ่มประกอบกิจการ
  3. ห้ามจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบโครงข่ายพลังงานของการไฟฟ้าก่อนได้รับอนุญาต
  4. ต้องจัดทำแผนปฏิบัติการฉุกเฉิน จัดการฝึกอบรม แนะนำวิธีการป้องกันเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในส่วนที่อาจก่อให้เกิดอันตราย อุบัติเหตุและอุบัติภัย และมีการฝึกซ้อมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  5. ต้องตรวจวัดคุณภาพอากาศทั้งระยะก่อสร้างและระยะดำเนินการ จำนวน 4 จุด (ทิศทางลมและความเร็วลม 2 จุด) ปีละ 3 ครั้ง (ทุก 4 เดือน) ครั้งละ 7 วันต่อเนื่อง ให้ครอบคลุมทั้งในช่วงฤดูหีบอ้อยและนอกฤดูหีบอ้อย
  6. ให้ควบคุมดูแลการระบายมลพิษทางอากาศให้น้อยที่สุด และติดตั้งเครื่องตรวจวัดความเข้มข้นของมลพิษทางอากาศจากปล่องที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศแบบอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง (CEMs) โดยให้ติดตั้งจอแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศที่บริเวณหน้าโรงงาน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจสอบได้โดยสะดวก

ส่วนมาตรการเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ข้อวิตกกังวลของประชาชนเพิ่มเติมตามที่บริษัทให้เจตจำนงไว้ มีดังนี้

  1. บริษัทฯ จะควบคุมการระบายมลพิษทางอากาศให้น้อยที่สุดและจะติดตั้งเครื่องตรวจวัดความเข้มข้นของมลพิษทางอากาศจากปล่อง CEMs โดยจะรายงานคุณภาพอากาศผ่านจอแสดงผลที่บริเวณหน้าโรงงาน
  2. บริษัทฯ จะจัดส่งรายงานการตรวจสอบคุณภาพน้ำใต้ดินให้แก่สำนักงาน กกพ. ทุกเดือน
  3. บริษัทฯ จะเพิ่มความถี่ในการตรวจวัดคุณภาพอากาศทั้งระยะก่อสร้างและระยะดำเนินการปีละ 3 ครั้ง ต้องดำเนินการตรวจวัดในช่วงหีบอ้อย นอกฤดูกาลหีบอ้อย และช่วงหยุดซ่อมบำรุง
  4. บริษัทฯ ยินดีเชิญผู้ร้องเรียนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อติดตามการประกอบกิจการ
  5. บริษัทฯ จะจัดตั้งกองทุนมวลชนสัมพันธ์เพื่อพัฒนาท้องถิ่นในรัศมี 5 กม.รอบโรงงาน ซึ่งบริหารกองทุนโดยคณะกรรมการไตรภาคี
  6. บริษัทฯ จะจัดตั้งกองทุนอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย โดยสนับสนุนการเพาะเลี้ยงและปล่อยพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำท้องถิ่น รวมทั้งกิจการสัตว์น้ำท้องถิ่น โดยผ่านคณะกรรมการไตรภาคีและประมงจังหวัด
  7. บริษัทฯ จะพัฒนาถนนและการจราจรในพื้นที่ เพื่อสร้างทางเลี่ยงทางหลัก และลดการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ รวมทั้งการดูแลฝุ่นถนน
  8. บริษัทฯ จะมอบทุนวิจัยการพัฒนาและอนุรักษ์กับนักวิจัยของมหาวิทยาลัย
  9. บริษัทฯ จะยกเลิกการใช้สารเคมีเกษตรที่เป็นอันตราย 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส ในการปลูกอ้อย
  10. บริษัทฯ จะติดตั้งมาตรวัดปริมาณน้ำที่โรงงานผันน้ำจากลำน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากและรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ
  11. บริษัทฯ จะดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน สร้างงานสร้างอาชีพเสริม รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน
  12. บริษัทฯ จะจ้างงานคนพิการในพื้นที่รัศมี 5 กม. รอบโรงงาน
Advertisment