กกพ.สรุปผล ประชุมร่วม ปตท. – กฟผ. วันนี้ เสนอให้ทั้งสองหน่วยงานแบกรับภาระแทนประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าไปก่อนเพื่อให้สามารถปรับลดค่าไฟลงเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วยตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2566
โดยตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 เห็นชอบในหลักการมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชนตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้เรียกเก็บค่าไฟฟ้างวดเดือน กันยายน – ธันวาคม 2566 จากเดิมหน่วยละ 4.45 บาท ให้เหลือ 3.99 บาท พร้อมกับมอบหมายให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการให้ถูกต้อง รอบคอบ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติ ครม. ที่เกี่ยวข้องโดยด่วน นั้น
ในการประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 ได้มีการเชิญการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) มาชี้แจงและกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายและต้องเป็นการดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
แต่เนื่องจากการกำหนดอัตราเรียกเก็บค่าไฟฟ้าหน่วยละ 4.45 บาท ที่เป็นมติ กกพ.เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2566 นั้น เป็นการคำนวณที่สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงตาม พ.ร.บ. การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 65 และประกาศ กกพ. เรื่องกระบวนการ ขั้นตอนการใช้สูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ พ.ศ. 2565 ดังนั้นเมื่อรัฐบาลมีนโยบายปรับลดการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 3.99 บาทต่อหน่วย เป็นผลให้เกิดส่วนต่างหน่วยละ 46 สตางค์ จึงจำเป็นต้องให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง แบกรับภาระไปก่อนจนกว่าสถานการณ์พลังงานผ่อนคลายจึงเรียกเก็บค่าไฟฟ้าคงค้างคืนจากผู้ใช้ไฟฟ้าภายหลัง
ดังนั้น การปฏิบัติตามมติ ครม. ซึ่งเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงพลังงานจึงให้ ปตท. ปรับลดค่าก๊าซธรรมชาติที่เรียกเก็บจากกิจการผลิตไฟฟ้าซึ่งแต่เดิมกำหนดไว้ 323.37 บาทต่อล้านบีทียู เป็น ไม่เกิน 304.79 บาทต่อล้านบีทียู
ในส่วนของ กฟผ. ซึ่งแบกภาระค่าไฟฟ้าคงค้าง (Accumulated Factor: AF) ก่อนหน้านี้รวมประมาณ 1.35 แสนล้านบาทและอยู่ระหว่างการเรียกเก็บคืนเงินคงค้างซึ่งอยู่ในค่าไฟฟ้างวดเดือน กันยายน – ธันวาคม 2566 หน่วยละ 38.31 สตางค์ หรือคิดเป็นวงเงินประมาณ 23,428 ล้านบาท นั้น เมื่อ ครม. มีมติให้ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าเหลือเพียงหน่วยละ 3.99 บาท กฟผ. จึงต้องยกเว้นการเรียกเก็บคืนเงินคงค้างดังกล่าวไว้ก่อน
โดยรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่งในฐานะผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจะต้องเสนอราคาก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้ามายัง กกพ. เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 67 และสามารถเรียกเก็บค่าไฟฟ้าให้ได้หน่วยละ 3.99 บาท ตั้งแต่บิลค่าไฟฟ้าประจำเดือนกันยายน 2566
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน ( Energy News Center-ENC ) รายงานว่า ภาระที่ ปตท.จะต้องช่วยแบกรับค่าก๊าซแทนประชาชนไปก่อน จากการลดราคาลงมาให้ กฟผ.จากเดิมกำหนดไว้ 323.37 บาทต่อล้านบีทียู เป็น ไม่เกิน 304.79 บาทต่อล้านบีทียู คิดเป็นวงเงินประมาณเกือบ 1 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค.2566 ในขณะที่ กฟผ.จะไม่ได้รับคืนเงินคงค้างต้นทุนค่าไฟฟ้า ตามจำนวนที่ กกพ.เคยมีมติว่าจะจ่ายคืนให้ 38.31 สตางค์ หรือประมาณ 23,428 ล้านบาท ส่วนจะเป็นจำนวนเท่าไหร่นั้น อยู่ที่ตัวเลขที่จะเสนอกลับมายัง กกพ.อีกครั้ง