เริ่มแล้ว! จัดคึกคัก สุดยอดงานมหกรรมด้านพลังงาน “ASEAN Sustainable Energy Week & Electric Vehicle Asia 2024” หนุน PDP 2024 ผลักดันไทยเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

365
- Advertisment-

เริ่มแล้ว! งานมหกรรมพลังงานที่ยั่งยืนของอาเซียนและการแสดงนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า “ASEAN Sustainable Energy Week & Electric Vehicle Asia 2024” 3-5 ก.ค. 2567  โดยกระทรวงพลังงาน จับมือเอกชน เร่งนำพาอุตสาหกรรมไทยในทุกห่วงโซ่อุปทานร่วมกันเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและมุ่งสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายใต้แผน PDP 2024 ที่เตรียมประกาศใช้ในปีนี้ ด้านสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย ชี้ทิศทางรถ EV ยังโตต่อเนื่องแม้เศรษฐกิจจะเติบโตช้าลง ระบุปัญหาราคารถ EV ถูกลงรวดเร็ว กระทบห่วงโซ่รถ EV ทั้งระบบ เชื่อเป็นปัญหาระยะสั้น ขณะที่รัฐบาลและเอกชนกำลังร่วมกันแก้ไขปัญหา

วันที่ 3 ก.ค. 2567 กระทรวงพลังงาน จับมือกับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย และภาคีเครือข่ายด้านพลังงาน เปิดงานมหกรรมพลังงานที่ยั่งยืนแห่งอาเซียนและยานยนต์ไฟฟ้าแห่งเอเชีย ปี 2024  “ASEAN Sustainable Energy Week & Electric Vehicle Asia 2024” อย่างเป็นทางการ  โดยภายในงานมีทั้งการสัมมนาด้านพลังงานที่สำคัญและการโชว์อุตสาหกรรมและนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วระหว่าง 3-5 ก.ค. 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีเป้าหมายเร่งนำพาอุตสาหกรรมไทยในทุกห่วงโซ่อุปทานร่วมกันเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและมุ่งสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

นายสมภพ พัฒนอริยางกูล รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้วางเส้นทางสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยคำนึงถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตหรือตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมซึ่งในปี 2567 นี้ได้เตรียมประกาศใช้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า หรือ PDP 2024 โดยได้ปรับโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าให้มีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนอยู่ประมาณ 50% ภายในปี 2037 ซึ่งเป็นการก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาดให้กับประเทศไทยอย่างชัดเจน แผนดังกล่าวถือเป็นส่วนสำคัญในการปรับใช้และปรับตัวให้กับภาคอุตสาหกรรมในมิติของพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในด้านความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม


โดยการจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week และ Electric Vehicle Asia 2024 ถือเป็นอีกเวทีหนึ่งที่จะมีการหารือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเชื่อมโยงโอกาสให้ทุกภาคส่วนร่วมกันเปลี่ยนผ่านจากพลังงานดั้งเดิมไปสู่พลังงานสะอาดในอนาคตอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดรับกับวิสัยทัศน์ของกระทรวงพลังงานในการนำพา ”ประเทศไทยให้มีความมั่นคงด้านพลังงาน มุ่งเน้นพลังงานสะอาด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน”

นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทิศทางยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในปี 2567 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จะไม่มากเท่าปี 2566 ที่เติบโตถึง 690% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง จนเกิดภาวะจำนวนรถ EV มีสูงเกินความต้องการซื้อ (Over supply) ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในช่วงนี้ผู้ประกอบการจะพยายามเร่งลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย เป็นเหตุให้ราคารถ EV ถูกลงมาก จนทำให้บริษัทประกันภัยรถยนต์เริ่มกังวลกับราคารถ EV ที่ลดลงและทางสมาคมฯ ได้ตรวจสอบกรณีที่มีกระแสข่าวว่าบริษัทประกันภัยยกเลิกการทำประกันภัยให้กับรถ EV ซึ่งในความเป็นจริงยังไม่มีการยกเลิกแต่อย่างใด แต่บริษัทประกันภัย ก็มีนโยบายด้านการตรวจสอบรายละเอียดรถ EV มากขึ้นก่อนรับทำประกันภัยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามการที่ราคารถ EV ถูกลงอย่างรวดเร็ว ได้ส่งผลกระทบต่อการขายรถ EV มือสองด้วย โดยปัจจุบันยังไม่มีการประเมินมูลค่ารถ EV มือสองที่ชัดเจน ทำให้กระทบต่อยอดขายรถ EV มือสองอย่างมาก  ทั้งนี้ราคารถ EV ที่ถูกลงอย่างรวดเร็วได้ส่งผลกระทบทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรม EV ดังนั้นการแก้ไขปัญหาจะต้องช่วยกันทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกร่วมกันต่อไป

สำหรับในปี 2566  ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมีเกือบ 14 ล้านคัน หรือคิดเป็น 18% ของรถยนต์ที่ขายทั้งหมดในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2565 กว่า 35% ซึ่งการจัดงาน Electric Vehicle Asia (EVA) ภายใต้หัวข้อ “EV Ecosystem Transformation Towards Net Zero” หรือ การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ยานยนต์ไฟฟ้าสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ที่จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 9 เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นยอดซื้อรถ EV และการจับคู่ทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดยไฮไลต์สำคัญ คือ การจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยและ การประชุมนานาชาติด้านยานยนต์ไฟฟ้า iEVTech ที่รวบรวมหัวข้อเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าต่างๆ อย่างครอบคลุม สมาคมฯ เชื่อมั่นว่า เวทีดังกล่าวนี้นอกจากจะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์แล้ว ยังเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญในการเสริมแกร่งให้กับผู้ประกอบการไทยได้เห็นภาพของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV Eco System ทั้งระบบเพื่อนำไปต่อยอดในภาคการผลิตอันนำมาสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่หรืออุตสาหกรรมเป้าหมายนี้ในอนาคต

- Advertisment -


นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า อินฟอร์มาฯ ได้กำหนดแผนระยะยาวกว่า 1 ทศวรรษ ในการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ในทุกมิติ เพื่อร่วมกันเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของภาคอุตสาหกรรมไทยไปสู่การใช้พลังงานสะอาด มีเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและ Net Zero Emission ผ่านการจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) และ Electric Vehicle Asia (EVA) 2024 ซึ่งจัดต่อเนื่องมาแล้วกว่า 34 ปี ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคและถือเป็นเวทีแรกของไทยที่รวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงอุตสาหกรรมพลังงานและอุตสาหกรรมเป้าหมายตลอดห่วงโซ่อุปทานไว้ในงานเดียว

สำหรับการจัดงาน ASEW 2024 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เสริมสร้างการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” โดยได้รวบรวมเทคโนโลยีล่าสุดจากแบรนด์ชั้นนำด้านพลังงานกว่า 1,500 รายทั่วโลก และพาวิเลียนนานาชาติ อาทิ ATESS, DELTA, ABB, AIKO SOLAR, BCPG, HITACHI ENERGY, SCG, SMA, SOLAREDGE, SOLIS, TESLA ENERGY เป็นต้น ร่วมสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยและอาเซียนได้สร้างเครือข่ายกับผู้นำด้านพลังงาน และเพื่อให้เป็นงานที่ครอบคลุมทุกมิติของพลังงาน เราจึงขยายไปสู่งานด้านระบบกักเก็บพลังงาน หรือ Energy Storage Asia

โดยงานนี้จะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้งาน ASEW มีความครบทุกด้านของพลังงานสะอาด โดยรวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานล่าสุดจากบริษัทชั้นนำระดับโลก ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ขนทัพองค์ความรู้การจัดสัมมนาเชิงลึกด้านพลังงานจากผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งปันประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็น REA Conference, Asia Urban Energy Assembly รวมถึง Energy Storage Forum และอีกกว่า 200 หัวข้อ พร้อมกันนี้ยังมีโซนจัดแสดงพิเศษจากหน่วยงานและบริษัทชั้นนำร่วมให้ความรู้และคำปรึกษาครอบคลุมทุกด้านของพลังงานสะอาด อินฟอร์มาฯ คาดว่าปี 2567 นี้ จะมีผู้เข้าชมงานกว่า 33,000 คน พร้อมกับมั่นใจว่า เวทีนี้จะสร้างโอกาสให้ประเทศไทย ก้าวสู่การเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างไร้รอยต่อเพื่อบรรลุเป้าหมายของประเทศ และมุ่งสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในภาคอุตสาหกรรมของภูมิภาค

Advertisment