คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าต้องช่วยจ่ายเงินอุดหนุนพลังงานทดแทนตามนโยบายรัฐ ที่บวกรวมอยู่ในค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2564 จำนวน 32.28 สตางค์ต่อหน่วย รวมเป็นวงเงิน 19,934 ล้านบาท โดยตลอดทั้งปี 2563 หรือคิดเป็นเงินที่ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องช่วยอุดหนุนรวม 52,166 ล้านบาท
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ. คาดว่าการอุดหนุนพลังงานทดแทนตามนโยบายรัฐในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2564 ซึ่งรวมอยู่ในค่าไฟฟ้าที่ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องจ่าย จะอยู่ที่ 32.28 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นวงเงิน 19,934 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.2564 ที่กระทบค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 33.57 สตางค์ต่อหน่วย แต่มูลค่าเมื่อคูณจำนวนหน่วยที่ใช้จะคิดเป็นวงเงิน 18,269 ล้านบาท
ทั้งนี้เนื่องจากความผันผวนของสภาพอากาศทำให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนไม่เสถียรและลดลง ประกอบกับโครงการที่ได้รับเงินส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า(Adder) เริ่มทยอยหมดอายุลง อย่างไรก็ตามคาดว่าผลกระทบค่าไฟฟ้าจากการอุดหนุนพลังงานทดแทนในงวดถัดไปในเดือน ก.ย.-ธ.ค.2564 จะทรงตัวที่ระดับ 31-32 สตางค์ต่อหน่วยต่อไป เนื่องจากยังไม่มีไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเข้าระบบจำนวนมากในช่วงนี้
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นคาดว่าไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่จะเข้าระบบในปี 2564 จะมีไม่มาก โดยเป็นโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเดิมที่ยังเข้าระบบไม่หมด รวมถึงโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่อาจทยอยเข้าระบบในปี 2564 ได้ หากผู้ประกอบการดำเนินการได้เร็ว ซึ่งส่วนนี้อาจมีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าบ้างแต่ไม่มากนัก
สำหรับในปี 2563 ภาพรวมการสนับสนุนพลังงานทดแทนด้วยระบบ Adder และการสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง (FiT) ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าประชาชนโดยรวม 30.18 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นเงินที่ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องช่วยอุดหนุนรวม 52,166 ล้านบาท
สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่ได้รับเงินส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า(Adder) อัตรา 8 บาทต่อหน่วย ที่มีสัญญาระยะ 10 ปี นั้น คาดว่าจะมีการผลิตไฟฟ้าครั้งสุดท้ายและหมดกลุ่มที่ได้รับ Adder ในปี 2567 เนื่องจากกลุ่มสุดท้ายที่ได้รับAdder มีการผลิตไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2567