ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน ( Energy News Center -ENC ) รายงานว่า สำหรับผู้ที่ต้องการทราบว่าราคาขายปลีกน้ำมันในปั๊มที่ประเทศจีน เปรียบเทียบกับราคาน้ำมันในปั๊มที่ประเทศไทย ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร คนจีนหรือคนไทย ใครใช้น้ำมันถูกหรือแพงกว่ากัน ในโอกาสที่ ดร.คุรุจิต นาครทรรพ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน ซึ่งเดินทางไปยัง เมือง แต้จิ๋ว(Chouzhou) มณฑลกวางตุ้ง ได้ส่งข้อมูลมาให้ ทีมข่าว ENC ช่วยนำเสนอ ราคาขายปลีกที่ปั๊ม ณ วันที่ 12 ตุลาคม 2567 เปรียบเทียบกับราคาขายปลีกที่ปั๊มของไทยในวันเดียวกัน โดยคิดที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 Chinese Yuan =4.79 บาท
จะเห็นว่า ราคา Gasoline 95 อยู่ที่ 8.13 หยวน ต่อลิตร หรือประมาณ 38.94 บาทต่อลิตร ในขณะที่ ราคาขายปลีกของไทย อยู่ที่ 35.95 บาทต่อลิตร ซึ่งถูกกว่าที่จีน เช่นเดียวกับราคา Diesel ที่จีนอยู่ที่ 7.15 หยวนต่อลิตร หรือประมาณ 34.25 บาทต่อลิตร แพงกว่าที่ไทย ที่จำหน่ายอยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน โดยที่ราคาเนื้อน้ำมันที่มาจากโรงกลั่นน้ำมันใกล้เคียงกันนั้น ปัจจัยสำคัญมาจาก นโยบายการจัดเก็บภาษี การนำส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
โดยในส่วนราคาน้ำมันขายปลีกของไทย ดีเซล เป็นช่วงที่มีการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน อัพเดท ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2567 อยู่ที่ 1.66 บาทต่อลิตร มีอัตราภาษีสรรพสามิตอีก 5.99 บาทต่อลิตร จากที่ก่อนหน้านี้ ที่ ดีเซล มีความผันผวนระดับสูง รัฐจึงมีนโยบายให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเข้ามาช่วยแบกระดับภาระเอาไว้ สูงสุดถึง ลิตรละ 14 บาท รวมทั้งการปรับลดภาษีสรรพสามิต เป็นการชั่วคราว ลิตรละ 5 บาท เพื่อไม่ให้ระดับราคาเกินเพดานที่ 30 บาทต่อลิตร แต่เมื่อสถานการณ์ความผันผวนด้านราคาคลี่คลายลง จึงกลับมาจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราเดิม เช่นเดียวกับกองทุนน้ำมันที่กลับมาเรียกเก็บเงินจากดีเซล คืนเข้ากองทุน อย่างไรก็ตาม อัพเดทล่าสุด ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2567 กองทุนน้ำมันยังมีฐานะที่ติดลบ อยู่สูงถึง 96,818 ล้านบาท โดยเป็นการติดลบในบัญชีน้ำมันจากการที่ไปช่วยชดเชยราคาดีเซลช่วงก่อนหน้านี้ อยู่ 49,378 ล้านบาท และติดลบจากการไปชดเชยราคาLPG อีก 47,440 ล้านบาท