เขียนเล่าข่าว EP.13 ราคาน้ำมันแพง ใครถูกกระทบมากที่สุด

1118
N4027
- Advertisment-

ไทยเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อให้เพียงพอใช้ในประเทศ ส่วนที่เหลือใช้ก็ส่งออก

น้ำมันดิบที่ผลิตมาจากในประเทศมีอยู่บ้างแต่ไม่ถึง 15% ดังนั้น ในยามที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกขยับขึ้นสูง หรืออัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จึงส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาในประเทศ เพราะโรงกลั่นซื้อน้ำมันดิบเป็นดอลลาร์สหรัฐแต่ขายน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศเป็นเงินบาท

จากวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย – ยูเครนเมื่อช่วงต้นปีทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาก และส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

- Advertisment -

มาโฟกัสถึงความเดือดร้อนว่าใครถูกกระทบมากที่สุด ดูตามโครงสร้างราคาน้ำมัน ณ วันที่ 6 ก.ค. 65 คนที่จ่ายค่าน้ำมันแพงที่สุดคือ คนใช้เบนซิน 95 ที่ราคาขายปลีกอยู่ที่ลิตรละ 51.96 บาททั้งๆที่ราคาหน้าโรงกลั่นแค่ลิตรละ 33.49 บาท หรือมีส่วนต่างถึงลิตรละ 18.47 บาท
โดยผู้ใช้เบนซิน95 ต้องจ่ายภาษีสรรพสามิต​ลิตรละ 6.50 บาท จ่ายเข้ากองทุนน้ำมันลิตรละ 7.18 บาท และค่าการตลาดอีกลิตรละ 0.72 บาท

รองลงมาคือคนใช้แก๊สโซฮอล์95E10 ที่ต้องซื้อราคาหน้าปั๊มลิตรละ 44.55 บาท ในขณะที่ราคาหน้าโรงกลั่นอยู่ที่ 31.64 บาท หรือมีส่วนต่างลิตรละ 12.91 บาท

คนที่เติมแก๊สโซฮอล์95E10 นั้นมีทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถมอเตอร์ไซค์​ ซึ่งต้องจ่ายภาษีสรรพสามิต ลิตรละ 5.85 บาทและถูกบวกค่าการตลาดอีกลิตรละ 3.45 บาท

ส่วนคนที่ถูกกระทบน้อยที่สุดคือกลุ่มคนใช้ดีเซล เพราะราคาหน้าปั๊มอยู่ที่ลิตรละ 34.94 บาท แต่ราคาหน้าโรงกลั่นอยู่ที่ลิตรละ 37.01 บาท หรือได้ใช้ถูกลงลิตรละ 2.07 บาท ที่เป็นเช่นนี้ เพราะรัฐลดภาษีสรรพสามิตลงให้ 5 บาทต่อลิตร และใช้เงินกองทุนน้ำมันเข้าไปชดเชยลิตรละ 7.54 บาท แถมยังถูกบวกค่าการตลาดเพียงลิตรละ 1.70 บาท

โดยฐานะของกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 3 ก.ค. 65 ที่ติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 107,601 ล้านบาทนั้น มาจากการเข้าไปชดเชยราคาดีเซลถึง 69,718 ล้านบาท อีก 37,883 ล้านบาทคือการเอาไปชดเชยราคา LPG

ถึงแม้ว่าในสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง และกลุ่มคนใช้ดีเซลได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเพราะรัฐใช้ทั้งกลไกภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันเข้ามาช่วย รวมแล้วเกินกว่าแสนล้านบาท แต่จากผลสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 18 เมื่อเดือน มิ.ย. 65 ครอบคลุมผู้บริหารจำนวน 165 คนจาก
45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัดส่วนใหญ่ยังอยากให้รัฐพิจารณาขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ที่กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ออกไปอีก 2 – 3 เดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและช่วยลดภาระต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการเพราะ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้นกระทบต่อต้นทุนการผลิตประมาณ 20% ในขณะที่ผู้ผลิตปรับราคาขายสินค้าได้น้อยกว่า 10% เนื่องจากต้องการรักษายอดขาย และ ขีดความสามารถการแข่งขันในตลาด

ในขณะที่คุณกรณ์ จาติกวณิช จากพรรคกล้า ออกมาโพสต์ถึงเรื่องค่าการตลาดของผู้ค้าว่าในช่วง3-4วันที่ผ่านมานั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 บาท โดยแก๊สโซฮอล์95 E10 สูงถึง 3.42 บาทต่อลิตร ส่วน แก๊สโซฮอล์91 อยู่ที่ 3.62 บาทต่อลิตรทั้งๆที่ค่าการตลาดปกติไม่ควรเกิน 2 บาทต่อลิตร

ซึ่งกรณีดังกล่าว ดร.สมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน ออกมาชี้แจงสรุปได้ว่า ควรดูค่าการตลาดในภาพรวมของทุกชนิดน้ำมัน เพราะปั๊มจำหน่ายน้ำมันหลายชนิด และไม่ควรเปรียบเทียบค่าการตลาดเป็นรายวัน เพราะราคาเนื้อน้ำมันมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงทุกวันตามราคาตลาดโลก

โดยดร.สมภพ ชี้ให้ดูค่าเฉลี่ยของค่าการตลาดในแต่ละเดือนในปีนี้ก็ยังอยู่ในกรอบที่ภาครัฐดูแล คือเฉลี่ยของทุกชนิดน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล ตั้งแต่วันที่ 1 – 6 กรกฎาคม 2565 อยู่ที่ 2.17 บาทต่อลิตร ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของปี 2564 ทั้งปี ที่ 2.14 บาทต่อลิตร

เขียนเล่าข่าว EP 13 จั่วหัวเรื่องไว้ว่า ราคาน้ำมันแพง ใครถูกกระทบมากสุด และเอาข้อมูลมาแสดงเพื่อตอบคำถามว่าคือกลุ่มคนใช้เบนซินและแก๊สโซฮอล์ ที่มีฐานจำนวนประชากรผู้ใช้มากที่สุด

คุณกรณ์ นั้นโพสต์เรื่องค่าการตลาดของแก๊สโซฮอล์​ที่สูงกว่าปกติ

โฆษกกระทรวงพลังงาน บอกให้มองภาพรวมค่าเฉลี่ยทุกชนิดน้ำมัน และให้เฉลี่ยยาวๆ

ข้อสรุปก็ตรงกันว่า เมื่อรัฐขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันดูแลค่าการตลาดดีเซลในระดับ 1.40 บาทต่อลิตรซึ่งต่ำกว่าปกติและดีเซลก็เป็นน้ำมันที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดเฉลี่ยในเดือน ม.ค. – พ.ค. 65 อยู่ที่ 75.81 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15.6 % (มีรถใช้ดีเซลประมาณ 12 ล้านคัน)​ ในขณะที่กลุ่มเบนซิน ยอดการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 29.71 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 0.3 % ( มีรถกลุ่มเบนซิน 29 ล้านคัน )​ ก็จำเป็นอยู่ดีที่ผู้ค้าน้ำมัน ต้องดึงค่าการตลาดแก๊สโซฮอล์ให้สูง เพื่อมาชดเชยค่าการตลาดดีเซลที่ต่ำ ไม่เช่นนั้นคนทำธุรกิจปั๊มน้ำมันก็ไปไม่รอด

น่าคิดว่าจังหวะการเมืองแบบนี้ ใครออกมาเป็นปากเป็นเสียงช่วยคนใช้เบนซินกับแก๊สโซฮอล์ ที่ถูกกระทบจากราคาน้ำมันมากที่สุด อาจจะได้คะแนนนิยมเป็นกอบเป็นกำก็เป็นได้

Advertisment