สำนักงาน กกพ. เปิดรับฟังความเห็นผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากการโอนสิทธิใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานของ 2 บริษัท คือ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (โครงการสถานีรับจ่าย-ก๊าซธรรมชาติเหลว หนองแฟบ) ที่มีความสามารถแปรสภาพก๊าซฯได้สูงสุด 7.5 ล้านตันต่อปี และผลิตไฟฟ้าใช้เองภายในสถานีรับ-จ่ายก๊าซฯ ต้องการโอนสิทธิใบอนุญาตให้ บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ปตท.ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อ 16 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยเปิดรับฟังความเห็นระหว่างวันที่ 5-19 ต.ค. 2566 นี้ รวมทั้งบริษัท กัลฟ์ เอสอาร์ซี จำกัด ต้องการโอนสิทธิใบอนุญาตฯ ประกอบกิจการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยจะรับฟังความเห็นถึงวันที่ 12 ต.ค. 2566 นี้
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) รายงานว่า นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้ลงนามเปิดรับฟังความเห็นประชาชนและผู้ที่อาจได้รับผลกระทบในการโอนสิทธิตามใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานของ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ให้ บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด ระหว่างวันที่ 5-19 ต.ค. 2566 นี้ รวมทั้งการโอนสิทธิในอนุญาตฯ ของ บริษัท กัลฟ์ เอสอาร์ซี จำกัด ให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยรับฟังความเห็นถึงวันที่ 12 ต.ค. 2566 นี้
โดยในส่วนของการโอนสิทธิตามใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานของ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ให้บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด นั้นมีรายละเอียดดังนี้ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซ โดยใช้ได้ถึงวันที่ 6 เม.ย. 2590 และใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า ใช้ได้ถึง 15 ก.ย. 2569
ทั้งนี้โครงการมีชื่อว่าบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด (โครงการสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว หนองแฟบ) ตั้งอยู่ที่ ต.มาบตาพุด จ.ระยอง ดำเนินกิจการเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซฯ จากของเหลวเป็นก๊าซ โดยมีความสามารถในการแปรสภาพก๊าซฯได้สูงสุด 7.5 ล้านตันต่อปี และผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว หนองแฟบ โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 27,946 กิโลโวลต์แอมแปร์
อย่างไรก็ตาม บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ต้องการโอนสิทธิใบอนุญาตดังกล่าว ให้บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ กทม. ซึ่ง กกพ.ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีคุณสมบัติตามระเบียบ กกพ. แต่เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการโอนสิทธิใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2565 สำนักงาน กกพ.จึงต้องประกาศและให้ผู้ที่อาจได้รับผลกระทบแสดงความเห็นระหว่างวันที่ 5 ต.ค.-19 ต.ค. 2566
สำหรับบริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด เป็นบริษัทลูกในกลุ่ม ปตท. ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับการจัดเก็บ สำรอง ขนส่งเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ ก๊าซธรรมชาติเหลว ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทุกชนิด เป็นต้น โดยเพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท
นอกจากนี้สำนักงาน กกพ. ได้ประกาศการโอนสิทธิใบอนุญาตฯ ของบริษัท กัลฟ์ เอสอาร์ซี จำกัด ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยมีรายละเอียดดังนี้ บริษัท กัลฟ์ เอสอาร์ซี จำกัด ตั้งอยู่ที่อาคารเอ็มไทย ทาวเวอร์ ออลซีซั่น เพลส กทม. ได้รับใบอนุญาตจาก กกพ. ให้ประกอบกิจการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อผ่านระบบส่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งใช้ได้ถึง 24 ก.ย. 2571 โดยสถานประกอบการตั้งอยู่ที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง และ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
โดยขนส่งก๊าซฯ จากท่อก๊าซฯ เส้นที่ 5 ของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริเวณ ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ถึงแนวเขตที่ดินโรงไฟฟ้าศรีราชาในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีความสามารถในการขนส่งก๊าซฯ ไม่เกิน 417 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
อย่างไรก็ตามบริษัท กัลฟ์ เอสอาร์ซี จำกัด ต้องการโอนใบอนุญาตดังกล่าวให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยสำนักงาน กกพ.ได้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้รับโอนแล้ว เห็นว่ามีคุณสมบัติถูกต้อง แต่ต้องเปิดรับฟังความเห็นประชาชนและผู้ที่อาจได้รับผลกระทบ โดยเปิดรับฟังความเห็นจนถึง 12 ต.ค. 2566 นี้
ทั้งนี้ประชาชนและผู้ที่อาจได้รับผลกระทบสามารถแสดงความเห็นผ่านทาง www.erc.or.th หรือทางสำนักงาน กกพ. เลขที่ 319 อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น 19 ถ.พญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม.10330 หรือ โทรสาร 0-2207-3506