สปป.ลาวไฟเขียว IES พัฒนาวินด์ฟาร์มขนาดใหญ่รวมกว่า 1,600 เมกะวัตต์

655
- Advertisment-

รัฐบาล สปป.ลาว ไฟเขียว IES พัฒนาโครงการวินด์ฟาร์มขนาดใหญ่ในลาว รวม 1,600 เมกะวัตต์

เมื่อเร็วๆนี้ นางสาวภราไดย สืบมา ในฐานะประธานบริษัท อิมแพค เอนเนอร์ยี่ เอเชีย ลิมิเต็ด (IEA) ได้ลงนามร่วมกับตัวแทนจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) สำหรับความร่วมมือในการพัฒนาและการดำเนินการโครงการ 1,000 เมกะวัตต์วินด์ฟาร์มในจังหวัดเซกอง หรือ โครงการเซกองวินด์ฟาร์ม พัฒนาโดยบริษัท อิมแพค อิเลคตรอนส์ สยาม จำกัด บริษัทในเครือของ IEA และเป็นผู้พัฒนาโครงการ 600 เมกะวัตต์มอนซูนวินด์ฟาร์มในพื้นที่บริเวณเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันโครงการมอนซูนฯ มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก และได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าเวียดนามเรียบร้อยแล้ว

นางสาวภราไดย กล่าวว่า การที่รัฐบาล สปป.ลาวให้ความเชื่อมั่นและการสนับสนุนต่อ IES ในการพัฒนาโครงการพลังงานที่มีความสำคัญ ด้วยที่ตั้งซึ่งมี ทรัพยากรลมที่มีศักยภาพ ทำให้บริษัท มีความมั่นใจว่า “โครงการเซกองวินด์ฟาร์ม” จะสามารถดำเนินการโครงการได้อย่างรวดเร็วในการผลิตพลังงานสะอาดให้แก่อาเซียนได้

- Advertisment -

สำหรับโครงการเซกองวินด์ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ จังหวัดเซกอง สปป.ลาว ในบริเวณเดียวกันกับโครงการมอนซูนวินฟาร์มซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาก่อสร้างหลังจากลงนามสัญญาขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนามเรียบร้อยแล้ว

โครงการเซกองวินด์ฟาร์มขนาดพื้นที่ประมาณ 506,250 ไร่ ได้ดำเนินการเก็บข้อมูลค่าลมมาตลอด10 ปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2567

โดยทั้งโครงการเซกองวินด์ฟาร์ม และโครงการมอนซูนวินด์ฟาร์ม จะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 1,600 เมกะวัตต์ และเป็นโครงการที่มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้จำนวน 90 ล้านตันตลอดอายุโครงการ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมบทบาทสำคัญของ สปป.ลาว ที่กำหนดวิสัยทัศน์หลักในการพัฒนาประเทศให้ไปสู่การเป็น “แบตเตอรี่แห่งเอเชีย” ด้วย

“เราทราบเป็นอย่างดีว่าพลังงานลมเป็นอีกหนึ่งทรัพยากรที่สำคัญของ สปป.ลาว และโครงการนี้จะแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ และความเป็นเลิศทางด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจกของ สปป.ลาว เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งกับ สปป.ลาว ในการต่อสู้กับสภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก และยังคงมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นโดยรอบโครงการเพื่อความยั่งยืนสืบไป” นางสาวภราไดย กล่าวเพิ่มเติม

ส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงการมอนสูน ขนาด 600 เมกะวัตต์​
Advertisment