ราช กรุ๊ป เดินหน้าพัฒนาโครงการทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในออสเตรเลียและพลังงานความร้อนร่วมในอินโดนีเซีย ขณะที่โรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เดือนมิถุนายนนี้ คาดช่วยหนุนรายได้เติบโตต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกปี 2562 มีกำไร 1,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.6% จากปีก่อน
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2562 บริษัทฯมีรายได้รวม 11,230 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 12.5% โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าราชบุรี โรงไฟฟ้าไตรเอนเนอจี้และบริษัทราช–ออสเตรเลียคอร์ปอเรชั่น 9,245 ล้านบาทหรือคิดเป็น 82.3% ของรายได้รวมและรายได้จากส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมทุน 1,081 ล้านบาทขณะที่ผลกำไรเพิ่มขึ้น 54.6% จากปีก่อน อยู่ที่ 1,741 ล้านบาทเนื่องจากรายได้จากการขายของโรงไฟฟ้าหลักและส่วนแบ่งกำไรกิจการร่วมทุนปรับตัวดีขึ้นอีกทั้งยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าพัฒนาโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่องได้แก่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คอลลินสวิลล์กำลังผลิต 42.5 เมกะวัตต์ในออสเตรเลีย ที่ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว, การจัดหาเงินกู้โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว กำลังผลิตติดตั้งรวม 275 เมกะวัตต์ในอินโดนีเซีย มูลค่า 222 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 7,104 ล้านบาท และเงินกู้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมคอลเลกเตอร์ในออสเตรเลีย มูลค่า 179 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 4,117 ล้านบาท
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าเบิกโคเจนเนอเรชั่น กำลังผลิตติดตั้ง 99.23 เมกะวัตต์ จะจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างทดสอบการเดินเครื่อง โดยมีกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมทุนด้วย
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า ธุรกิจพลังงาน และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างมูลค่ากิจการให้ถึง 200,000 ล้านบาท หรือ 10,000 เมกะวัตต์ เทียบเท่า ในปี 2566