รัฐมนตรีพลังงาน เตรียมประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ให้ได้ตามเป้าหมาย 100 เมกะวัตต์ในปี 2564 ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมหนุนให้เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าประเทศ(PDP2022)ให้มากขึ้น ในขณะที่โครงการโซลาร์ฟาร์มในพื้นที่ของกองทัพบก ที่มีศักยภาพที่จะดำเนินการได้ 30,000 เมกะวัตต์ นั้นยังเป็นเพียงขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ และจะยังไม่สามารถขายไฟฟ้าเข้าระบบได้จนกว่าจะมีการบรรจุไว้ในแผน PDP
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2564 รับทราบโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ระยะที่ 1 และให้เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการในวงกว้างให้ประชาชนรับทราบ เพื่อให้เกิดการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วนั้น จากนี้ไปกระทรวงพลังงานจะเร่งรณรงค์โครงการดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนได้มีประสบการณ์การใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์มากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่ 2.20 บาทต่อหน่วย เป็นราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่ากับการรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินจากประชาชน โดยเป็นอัตราที่ปรับขึ้นจากอัตราเดิมที่ 1.68 บาทต่อหน่วย ที่น่าจะจูงใจประชาชนเข้ามาร่วมโครงการได้มากขึ้น
ทั้งนี้เป้าหมายของโครงการโซลาร์ภาคประชาชนที่รวมโควต้าของปี 2563 และ 2564 จะทำให้มีปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าได้ถึง 100 เมกะวัตต์
ในส่วนการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ฉบับใหม่ หรือ PDP 2022 นั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้มากขึ้น แต่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่โซลาร์เซลล์ เนื่องจากยังมีพลังงานทดแทนชนิดอื่นที่ต้องส่งเสริมเช่นกัน และยังขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีพลังงานทดแทนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย
สำหรับโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนภาคพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ในพื้นที่ดูแลรับผิดชอบของกองทัพบก ที่มีศักยภาพผลิตไฟฟ้าได้ถึง 30,000 เมกะวัตต์ แต่นำร่องศึกษาก่อน 300 เมกะวัตต์นั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ยังเป็นเพียงแค่การศึกษาความเป็นไปได้เท่านั้น โดยหากจะผลิตไฟฟ้าเข้าระบบได้ ก็จะต้องนำมาบรรจุไว้ในแผน PDP เสียก่อน ซึ่งขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังจัดทำแผน PDP2022 ฉบับใหม่ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2564 นี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในปี 2565 เป็นต้นไป