รัฐมนตรีพลังงาน เร่งดำเนินทุกมาตรการลดค่าไฟฟ้าให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน ทั้งเอกชน ประชาชนทั่วไป และกลุ่มเปราะบาง หลังคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เคาะค่าไฟฟ้างวด ม.ค.- เม.ย. 2567 ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย ยืนยันเร่งเดินหน้าเต็มที่ พร้อมผลักดันให้ทันเป็นของขวัญปีใหม่ 2567
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็นและความกังวลเกี่ยวกับค่าไฟฟ้างวดใหม่ (ม.ค.- เม.ย. 2567) หลังจากที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศราคาค่าไฟฟ้าออกมาที่ 4.68 บาทต่อหน่วยนั้น ตัวเองได้เร่งให้ทุกหน่วยงานหาทุกมาตรการเพื่อลดค่าไฟฟ้าลงให้ได้
โดยที่ผ่านมาได้จัดประชุมสั่งการในเบื้องต้นให้ลดค่าไฟฟ้า ซึ่งค่าไฟฟ้าที่ลดได้จะเกิดจาก 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1) การขยายเวลาชำระหนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ออกไปอีก 1 งวด 2) การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ และ 3) การกำหนดราคาขายก๊าซธรรมชาติของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้แม้ว่าการดำเนินการทั้ง 3 มาตรการ จะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงจากที่ กกพ. เสนอ แต่ทุกฝ่ายก็ยังจะพยายามหาช่องทางลดค่าไฟฟ้าให้ได้มากขึ้น โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่รัฐบาลให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด
“หลังจากที่มีการประชุมในหลายๆ ครั้ง ทำให้เราได้เห็นตัวเลขและข้อมูลต่างๆ ที่จะนำมาประกอบการพิจารณาค่าไฟฟ้าได้มากขึ้น สิ่งที่ผมเพิ่งได้ดำเนินการซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คือการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ เป็นการปรับโครงสร้างที่จะมีความยั่งยืน ไม่ฉาบฉวย และไม่เป็นการสร้างภาระในอนาคต ส่วนมาตรการขยายภาระหนี้ กฟผ. ถือว่าเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้น แต่ผมก็มีแผนที่จะเตรียมแก้ปัญหาให้ กฟผ. เพื่อปลดภาระหนี้ด้วย ส่วนการกำหนดราคาขายก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการลดราคาค่าไฟฟ้าลงได้
ซึ่งทั้ง 3 มาตรการที่จะดำเนินการนี้ แม้จะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงจากที่ทาง กกพ. เสนอ แต่ผมยังต้องการจะให้ลดลงมากกว่านี้ ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน ทั้งประชาชนและเอกชน ผมเข้าใจถึงความเดือดร้อนของทุกฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่จะใช้งบกลางเพื่อให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย ขอให้มั่นใจว่าทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ และทำอย่างเร็วที่สุดเพื่อให้ทันเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้แก่คนไทยทุกคน” นายพีระพันธุ์ กล่าว