สถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนกำลังส่งผลกระทบแผ่ขยายเป็นวงกว้างทั่วโลก โดยเฉพาะกระทบต่อราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด ระดับราคาพุ่งเกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่สถานการณ์ภายในประเทศของไทย หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง ก็ระดมเครื่องมือเข้ามาช่วยอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ตุลาคม 2564 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นเครื่องมือหลักสำคัญที่ทำหน้าที่ช่วยพยุงราคาพลังงานภายในประเทศไม่ให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงเกินไป เมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันยังไม่มีทีท่าว่าจะปรับตัวลดลง กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจึงต้องแบกรับภาระการอุดหนุนต่อเนื่องยาวนาน และเพื่อให้เกิดสภาพคล่องในการบริหารจัดการ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถกู้ยืมเงินตามกรอบกฎหมายพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 จำนวน 20,000 ล้านบาท และขยายเพดานเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการดำเนินการ คาดว่าจะได้เงินมาเติมสภาพคล่องราวเดือนพฤษภาคมนี้
สำหรับประมาณการสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบัน มีรายจ่ายเดือนละประมาณ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายน้ำมันเดือนละ 5,000 ล้านบาท และรายจ่ายก๊าซ LPG เดือนละ 2,000 ล้านบาท ส่วนประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 ติดลบ 21,838 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 4,988 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 26,826 ล้านบาท
นอกจากนี้ ภาครัฐได้ผสมผสานใช้เครื่องมือด้านการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตมาตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้พิจารณาวางแนวทางบริหารราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลภายหลังจากมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จากเดิมจัดเก็บ 5.99 บาท/ลิตร ปรับเป็น 3.20 บาท/ลิตร หรือลดลง 2.79 บาท/ลิตร โดย กบน. มีมติลดราคาน้ำมันดีเซลให้กับประชาชนทันที 2 บาท/ลิตร และอีกส่วนหนึ่งจะนำมาเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้สามารถดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร ได้ต่อเนื่องนานยิ่งขึ้น
ในด้านการบริหารจัดการมีการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล (B100) ในน้ำมันดีเซลทุกชนิด เริ่มต้นที่ 5% หรือ B5 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคา B100 ที่มีราคาสูง ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565
ทั้งนี้ มีการประเมินว่าสถานการณ์วิกฤตราคาน้ำมันจะยืดเยื้อต่อไปอีก เครื่องมือรัฐที่มีอยู่ก็มีข้อจำกัดทั้งกรอบของกฎหมายพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ในเรื่องการกู้เงิน ข้อจำกัดเรื่องการลดอัตราภาษีสรรพสามิตที่จะไปกระทบรายได้ของประเทศ แต่มีเครื่องมือสำคัญอีกอย่างที่สามารถเข้ามาช่วยกู้วิกฤตราคาน้ำมันได้ทันทีเลย นั่นคือ ความร่วมมือจากภาคประชาชน และภาคเอกชนในการใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างประหยัด เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ถึงเวลาแล้วที่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนต้องผนึกประสานกันสร้างแคมเปญเพื่อรณรงค์ประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง
สำหรับภาคประชาชน มีวิธีง่ายๆ ที่ช่วยประหยัดค่าน้ำมันได้ทันที ตามตัวอย่างลิงก์ต่อไปนี้
- 🔟 วิธีที่คุณสามารถประหยัดน้ำมันได้ (ตอนที่ 1) https://bit.ly/3HtVylR
- 🔟วิธีที่คุณสามารถประหยัดน้ำมันได้ (ตอนที่ 2) https://bit.ly/3MabJZ6
- 6 ทิป เดินทางประหยัดพลังงาน🚙 https://bit.ly/3tibseb
- 5 สัญญาณที่ควรรู้ กับการตรวจสภาพ “ยางล้อรถยนต์”เพื่อความปลอดภัย และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง https://bit.ly/3vsSyny
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ก่อนต้องยกเครื่องชุดใหญ่ https://bit.ly/3ps5cPF
–