อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) เผยแนวโน้มอนาคตสังคมเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า(EV)และระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนมากขึ้น ทำให้เตรียมปรับลดเป้าการใช้เอทานอล และไบโอดีเซล ในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก(AEDP) ลง แต่หันไปเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทุกชนิดเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน ไว้ 30% เท่าเดิม
นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า พพ.กำลังพิจารณาจัดทำแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก(AEDP) ให้สอดรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว พ.ศ. 2561-2580 (PDP)ฉบับใหม่ โดยเบื้องต้นยังกำหนดเป้าหมายไว้เท่าเดิม คือสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนจะยังอยู่ที่ 30% ในช่วงปลายแผน แต่ในรายละเอียด ของแผน จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ในเกือบ ทุกประเภท โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์, ชีวมวล และขยะ เป็นต้น ในขณะที่พลังงานทดแทนที่เป็น เชื้อเพลิงชีวภาพ นั้นจะปรับลดเป้าหมายลงจากแผนเดิมที่กำหนดให้มีการใช้เอทานอลให้ได้ 11.30 ล้านลิตรต่อวัน และไบโอดีเซล 14 ล้านลิตรต่อวันในปี 2579 แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะลดลงเท่าไหร่ เนื่องจากในอนาคตความต้องการใช้ไฟฟ้าจะสูงขึ้น จากภาคขนส่งมวลชนที่จะปรับเปลี่ยนไปเน้นระบบรถไฟฟ้ามากขึ้น รวมถึงจะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า(EV)สูงขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันจะลดน้อยลง
ทั้งนี้ในแผน AEDP ใหม่ดังกล่าวจะกำหนดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเป็นรายภูมิภาค รวม 6 ภูมิภาคและ 1พื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งต้องพิจารณาปัจจัยด้านศักยภาพเชื้อเพลิงในแต่ละพื้นที่และปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก
ส่วนแผน AEDP เดิมนั้น กำหนดเป้าหมายการใช้พลังงานทดแทนภายในปี 2579 ไว้ดังนี้ 1)ขยะชุมชน 500 เมกะวัตต์ 2)ขยะอุตสาหกรรม 50 เมกะวัตต์ 3)ชีวมวล 5,570 เมกะวัตต์ 4)ก๊าซชีวภาพ(น้ำเสีย/ของเสีย)600 เมกะวัตต์ 5)พลังน้ำขนาดเล็ก376 เมกะวัตต์ 6)ก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงาน 680 เมกะวัตต์ 7)พลังงานลม 3,002 เมกะวัตต์ 8)พลังงานแสงอาทิตย์ 6,000 เมกะวัตต์ และพลังน้ำขนาดใหญ่ 2,906.40 เมกะวัตต์