ผู้ค้าน้ำมันเตรียมปรับลดราคาดีเซลหน้าปั๊ม 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลพรุ่งนี้ 22 ก.พ. 2566 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ กบน. ได้เรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯ เพิ่มขึ้นอีก 49 สตางค์ต่อลิตร มาตุนไว้ล่วงหน้ารอการปรับลดราคาดีเซลในครั้งนี้ ปัจจุบันกองทุนฯ ยกเลิกนำเงินไปชดเชยราคาน้ำมันทั้งหมดแล้ว พร้อมเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันทุกประเภทเข้ากองทุนฯ แทน ท่ามกลางสถานะกองทุนฯ ที่ยังคงติดลบกว่า 1 แสนล้านบาท
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันเตรียมประกาศปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันที่ 22 ก.พ. 2566 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันราคาขายปลีกดีเซลอยู่ที่ 34.44 บาทต่อลิตร เมื่อปรับลดลง 50 สตางค์ต่อลิตร จะส่งผลให้ราคามาอยู่ที่ 33.94 บาทต่อลิตร
โดยในส่วนของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ทาง กบน. ได้เตรียมความพร้อมการปรับลดราคาดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตร โดย ที่ประชุม กบน. เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2566 ได้มีมติให้เรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯ เพิ่มอีก 49 สตางค์ต่อลิตร เป็น 5.11 บาทต่อลิตร เพื่อให้กองทุนฯ มีเงินเพิ่มขึ้นสำหรับรองรับการปรับลดราคาดีเซลในครั้งนี้
ทั้งนี้ปัจจุบันกองทุนฯ ไม่มีการนำเงินไปชดเชยราคาน้ำมันแล้ว และดำเนินการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันทุกประเภทเข้ากองทุนฯ แทน โดยเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เข้ากองทุนฯ รวม 2 บาทต่อลิตร , ผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ E85 เรียกเก็บเข้ากองทุน 0.01 บาทต่อลิตร และเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซล 5.11 บาทต่อลิตร ส่วนผู้ใช้ดีเซลเกรดพรีเมียมยังเรียกเก็บอยู่ 5.61 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตามในวันที่ 22 ก.พ. 2566 กองทุนฯ จะเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเกรดพรีเมียมเพิ่มอีก 1 บาทต่อลิตร จาก 5.61 บาทต่อลิตร เป็น 6.61 บาทต่อลิตร และอาจส่งผลให้ราคาดีเซลพรีเมียมหน้าปั๊มปรับราคาเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุดที่รายงานโดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2566 กองทุนฯ ยังคงติดลบรวม 106,134 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากก่อนหน้านี้ได้นำเงินไปชดเชยราคาน้ำมันรวม 60,253 ล้านบาท และชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) รวม 45,881 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมัน ซึ่งรายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวันที่ 21 ก.พ. 2566 พบว่าค่าการตลาดดีเซลอยู่ที่ 2.15 บาทต่อลิตร ส่วนค่าการตลาดกลุ่มเบนซินอยู่ที่ประมาณ 3 บาทต่อลิตร โดยค่าการตลาดเฉลี่ยระหว่าง 1-21 ก.พ. 2566 อยู่ที่ 2.14 บาทต่อลิตร โดยยังอยู่ในเกณฑ์ค่าการตลาดปกติ ตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2566 ได้คืนค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันให้กลับมาอยู่ในอัตราปกติประมาณ 2 บาทต่อลิตร หลังจากก่อนหน้านี้ได้ขอความร่วมมือให้คงค่าการตลาดไว้ที่ 1.40 บาทต่อลิตร ในช่วงราคาพลังงานแพง
ดังนั้นหากมีการปรับลดราคาดีเซลลง 50 สตางค์ต่อลิตรในวันที่ 22 ก.พ. 2566 จะส่งผลให้กองทุนฯ ต้องนำเงินมาจ่ายชดเชยค่าการตลาดให้ผู้ค้าน้ำมันแทน เพื่อให้ค่าการตลาดอยู่ในระดับลิตรละ 2 บาทต่อไป และเป็นผลให้ราคาขายปลีกดีเซลหน้าปั๊มปรับลดลงได้
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ณ วันที่ 21 ก.พ. 2566 เวลาประมาณ 15.30 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 82.07 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.76 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 77.01 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.67 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 83.67 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.41 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล