ปตท.เตรียมจัดตั้งบริษัท ” Innobic (Asia)”ทุนจดทะเบียนประมาณ 2 พันล้านบาทลุยธุรกิจ Life Science ที่เกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ยา โภชนาการ และวัสดุทางการแพทย์ ที่หวังจะเป็น Product Champion ใหม่ที่สร้างรายได้และการเติบโตให้กับกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญในอีก 10 ปีข้างหน้า
การจัดตั้งบริษัทใหม่ ที่ชื่อ Innobic (Asia) ได้รับการอนุมัติจากบอร์ดปตท.เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2563 ที่ผ่านมา โดยมีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ถือหุ้น 100 % โดย บริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด หรือ PTTGM ที่ ปตท.ถือหุ้น 100 % ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า ปตท.ต้องการบุกธุรกิจ Life Science ที่เป็นธุรกิจ New S Curve อย่างจริงจัง ซึ่งมีการดึงตัวบุคคลากรผู้เชี่ยวชาญคนไทย ในอุตสาหกรรมยาและ Nutrition หรือโภชนาการในบริษัทชั้นนำของโลก ประมาณ 15-20 คน เข้ามาร่วมงาน ที่จะเริ่มขับเคลื่อนธุรกิจอย่างจริงจังในปี 2564
นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ซึ่งบรรยายพิเศษ ” Life Science ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย เพื่อเศรษฐกิจและสังคมไทย ” ให้กับสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2563 ที่ผ่านมา กล่าวว่า ธุรกิจ Life Science ที่เน้นเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ยา โภชนาการ และวัสดุทางการแพทย์ จะเป็น Product Champion ตัวใหม่ที่สร้างรายได้และการเติบโตให้กับกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญในอีก 10 ปีข้างหน้า
โดยการวางกลยุทธ์ในช่วง 1-5 ปี จะเน้นการทำธุรกิจที่เน้นการสร้างเครือข่ายด้านการตลาด ช่องทางการจัดจำหน่ายและการขายร่วมกับพันธมิตร ,การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ยาที่เรียกว่า Generic Drugs หรือกลุ่มยาสามัญที่ใกล้หมดสิทธิบัตรคุ้มครอง ในโรคที่ไม่ติดต่อ เช่น โรคมะเร็ง หัวใจ เบาหวาน พาร์คินสัน เพื่อขึ้นทะเบียนยาและจัดจำหน่าย รวมทั้งผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการ หรืออาหารที่มีสรรพคุณเป็นยา รวมทั้ง วัสดุทางการแพทย์ที่มีฐานจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ ปตท.มีความเชื่ยวชาญอยู่แล้ว เช่น ถุงมือแพทย์ หน้ากากอนามัย รองเท้า
ส่วนกลยุทธ์ใน 5-10 ปีข้างหน้า เป็นการตั้งโรงงานผลิตยาที่ได้รับการขึ้นทะเบียน ที่สามารถแข่งขันกับยานำเข้าที่มีราคาแพง โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2563 ปตท.ได้มีการลงนามสัญญาร่วมพัฒนาโครงการโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็ง ร่วมกับองค์การเภสัชกรรม เป้าหมายเพื่อทดแทนการนำเข้า และส่งออกไปขายในภูมิภาค
โดยโรงงานตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม WEcoZi จ.ระยอง มีกำลังการผลิตยาเคมี 20 ล้านเม็ดต่อปี และ อีก 1.5 ล้านไวแอล (ขวดบรรจุผงยาที่พร้อมผสมกับน้ำ ) และยาชีววัตถุอีก 170,000 ไวแอล
สำหรับกลยุทธ์ในช่วงเวลามากกว่า 10 ปี จะเน้นไปในส่วนของการวิจัยและพัฒนา เพื่อเป็นเจ้าของสิทธิบัตรยา ซึ่งเป็นส่วนที่ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ใช้ระยะเวลา แต่มีความคุ้มค่า
นายบุรณิน กล่าวว่า ธุรกิจ Life Science เป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าของตลาดมหาศาล ที่บริษัทขนาดใหญ่ทั่วโลกต่าง เบนเข็มมาสู่ธุรกิจนี้แล้ว ในขณะที่ ประเทศไทย ยังไม่มีบริษัทไหนที่กระโดดลงมาเล่นอย่างจริงจัง ในขณะที่ อีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Ageing Society ) ที่ประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี จะมีสัดส่วนกว่า 31% ของประชากรทั้งหมด จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 18% โดยยังต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์ยาที่มีราคาแพง และเป็นยาที่นำเข้าเป็นหลัก การที่ปตท.จัดตั้งบริษัท Innobic (Asia) ขึ้นมาเพื่อให้เห็นว่า ปตท.เอาจริงกับธุรกิจนี้ โดยจะจับมือไปพร้อมๆกับองค์การเภสัชกรรมและบริษัทอื่นๆที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรในอนาคต เพราะยังมีช่องทางการทำธุรกิจและโอกาสทางการตลาดเหลืออยู่อีกมาก